วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568

Panic Disorder

Panic Disorder

Epidemiology

  • Prevalence:
    • 12-month prevalence: สหรัฐ 2.7%, ยุโรป 1.8%
    • Lifetime prevalence: 4.7%, ผู้หญิง 5%, ผู้ชาย 2%
    • ใน Primary care สูงขึ้นเป็น 4–8%
  • Age of onset: เฉลี่ยอายุ 24 ปี อัตราลดลงหลังอายุ 60 ปี
  • Panic attacks พบได้บ่อยกว่า panic disorder (สูงสุดถึง 1/3 ของประชากร)

Comorbidities

  • Psychiatric: Depression (พบมากที่สุด 37%), Bipolar disorder, PTSD, GAD, Social anxiety disorder, Substance use disorder, Agoraphobia
  • Medical: Asthma, COPD, CAD (HR 1.4–1.5), IBS, Diabetes, Cancer, Hypertension, Thyroid disorders, Migraine, Vestibular dysfunction, Sleep apnea, Chronic pain

Pathogenesis

  • Stress-diathesis model: พันธุกรรม + ปัจจัย neurobiologic + psychosocial stress
  • Genetics:
    • Heritability ~40%, monozygotic twin concordance สูงกว่า dizygotic
  • Neurobiology:
    • Hyperexcitability ใน amygdala, hypothalamus (DMH/PeF) sympathetic overdrive
    • Altered serotonin, norepinephrine, GABA
  • Psychosocial factors: Childhood adversity, trauma, anxious temperament, behavioral inhibition

Clinical Manifestations

  • Panic attack: abrupt surge ของ fear/discomfort peak ภายในไม่กี่นาที
    DSM-5-TR: > 4 อาการจาก 13

1.       ใจสั่น/เต้นแรง/เต้นเร็ว (Palpitations, pounding heart, accelerated heart rate)

2.       เหงื่อออกมากผิดปกติ (Sweating)

3.       ตัวสั่น มือสั่น (Trembling or shaking)

4.       รู้สึกหายใจไม่อิ่ม/หายใจติดขัดเหมือนขาดอากาศ (Sensations of shortness of breath or smothering)

5.       รู้สึกเหมือนคอถูกกด/กลืนติดคอ (Feelings of choking)

6.       เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก (Chest pain or discomfort)

7.       คลื่นไส้หรือแน่นท้อง/ปวดท้อง (Nausea or abdominal distress)

8.       เวียนศีรษะ โงนเงน หน้ามืด หรือเหมือนจะเป็นลม (Feeling dizzy, unsteady, light-headed, or faint)

9.       หนาวสั่นหรือร้อนวูบวาบ (Chills or heat sensations)

10.    ชา/เสียวซ่าตามผิวหนัง (Paresthesias: numbness or tingling sensations)

11.    รู้สึกไม่จริง/สิ่งรอบตัวเหมือนไม่จริง (Derealization) หรือรู้สึกแยกตัวออกจากตนเอง (Depersonalization)

12.    กลัวควบคุมตนเองไม่ได้หรือ “จะเสียสติ” (Fear of losing control or “going crazy”)

13.    กลัวตาย (Fear of dying)

สูตรจำ 3CSF + ชา ชิว นอเชีย อันเรียว

  • 3C = cardiac (palpitation), chest (pain), choke
  • 3S = sweat, shake, shortness of breath
  • 3F = faint, fear (of losing control), fear (of dying)
  • ชา (paresthesia), ชิว (chill, heat sensation), นอเชีย (nausea, abdominal distress), อันเรียว (derealization, depersonalization)

  • Panic disorder:
    • Recurrent unexpected panic attacks
    • > 1 เดือนของ worry/behavioral change
  • Associated features: Agoraphobia, substance use, suicidality (OR 3.9–7.8), medical overutilization

Assessment

1.       History:

o   ลักษณะอาการ, onset, duration, triggers

o   Behavioral impact worry, avoidance, medical visits

o   Psychiatric history (mood, anxiety, trauma, substance)

o   Medical history (cardiac, endocrine, pulmonary, neurologic)

o   Psychosocial stressors, family history

2.       Physical exam & Labs:

o   Vitals, ECG, CBC, electrolytes, thyroid, toxicology, pregnancy test

o   เพิ่มเติมถ้าสงสัย pheochromocytoma, epilepsy, pulmonary disease, sleep apnea

3.       Rating scale: Panic Disorder Severity Scale (PDSS)


Diagnosis (DSM-5-TR)

  • A: Recurrent unexpected panic attacks
  • B: > 1 เดือน worry หรือ behavioral change
  • C: ไม่ใช่ผลจากสารหรือโรคทางกาย
  • D: ไม่ได้อธิบายด้วยโรคจิตเวชอื่น เช่น PTSD, social anxiety, specific phobia

Differential Diagnosis

  • Psychiatric: PTSD (triggered), Social anxiety disorder (situation-specific), GAD (persistent worry), Depression, Bipolar disorder, Somatic symptom disorder, Illness anxiety disorder, Agoraphobia
  • Medical: Arrhythmia, Hyperthyroidism, Pheochromocytoma, COPD/asthma, Epilepsy (temporal lobe), Vestibular dysfunction, Pulmonary embolism, Syncope, Medication/substance effects

 

Key Clinical Points

  • Panic disorder chronic, recurrent, remission 64% แต่ recurrence 21% ใน 2 ปี
  • Comorbid depression, agoraphobia outcome แย่ลง
  • Diagnosis ต้องตัดโรคทางกายและ substance ก่อน
  • ใช้ PDSS ประเมิน severity และ response ต่อการรักษา

 


การรักษา Panic disorder (PD) ในผู้ใหญ่

ภาพรวม

  • นิยาม: PD = panic attacks ซ้ำๆ (unexpected) + > 1 เดือนของ (กังวลจะเกิดซ้ำ/ผลกระทบ หรือ ปรับพฤติกรรมเลี่ยง)
  • Agoraphobia วินิจฉัยแยกต่างหาก (อาจร่วมกันได้)
  • ผลกระทบ: เรื้อรัง-กลับเป็นซ้ำ กระทบการทำงาน คุณภาพชีวิต และต้นทุนระบบสุขภาพ
  • หลักการรักษา: CBT, ยา (SSRI เป็นหลัก) หรือ ผสมผสานประสิทธิผลใกล้เคียงกัน เลือกตาม “ความพร้อม-ความชอบผู้ป่วย” และความรุนแรง/โรคร่วม

ขั้นตอนตัดสินใจเริ่มรักษา

1.       ประเมินต้องรักษาหรือไม่

o   ถ้าอาการ น้อย ไม่กระทบหน้าที่ ไม่มี avoidance/health concerns มาก ให้การศึกษา-ให้ความมั่นใจ-ติดตามทุก 3–6 เดือน

o   ถ้าอาการกระทบการทำงาน/มี avoidance/กังวลสูง/โรคร่วม เริ่มรักษา

2.       เลือกแนวทางเบื้องต้น

  • CBT หรือ SSRI ตามความชอบและการเข้าถึง
  • เหมาะกับการรักษาร่วม (CBT+SSRI) ถ้า: มี suicidality, โรคจิตเวชร่วมเด่น (เช่น MDD/PTSD), ความทุกข์รุนแรง, impairment สูง

Psychotherapy: ให้ CBT เป็นตัวเลือกหลัก

  • หลักฐานเข้มกว่าจิตบำบัดรูปแบบอื่น และทำได้ใน primary care หลังอบรม
  • รูปแบบทางไกล (internet/video/bibliotherapy) ใช้ได้เมื่อการเข้าถึงจำกัด
  • หมายเหตุสำคัญ: หลีกเลี่ยง เริ่ม/เพิ่ม benzodiazepine ระหว่างทำ CBT เพราะอาจลดผลของการสัมผัสสิ่งกระตุ้น (exposure) และเพิ่มโอกาสกลับเป็นซ้ำ

Pharmacotherapy: ให้ SSRI เป็น first-line

การเลือกยา: ประสิทธิผล พอๆ กัน เลือกจากอาการข้างเคียง ปฏิกิริยาระหว่างยา ครึ่งชีวิต ราคา (generic)

หลักการขนาด/การไต่ระดับ

ผู้ป่วย PD มักไวต่ออาการกระตุ้นของยาต้านเศร้า เริ่มขนาดต่ำกว่าภาวะซึมเศร้า, เพิ่มช้า ๆ

  • Sertraline: เริ่ม 25 mg/d ×3–7 วัน 50–75 mg ประเมิน < 4 สัปดาห์; ถ้าไม่พอ เพิ่มทีละ 50 mg/สัปดาห์จน สูงสุด 200 mg/d
  • Escitalopram: เริ่ม 5 mg/d เพิ่มตามทนได้ (ทั่วไป 10–20 mg/d)
  • Fluoxetine: เริ่ม 5 mg/d (กระตุ้นกว่า SSRI อื่น) เพิ่มช้า
  • เวลาตอบสนอง: โดยเฉลี่ย ~4 สัปดาห์ เริ่มเห็นผล; ให้ อย่างน้อย 6 สัปดาห์ที่ขนาดสูงสุดที่ทนได้ ก่อนสรุปว่าล้มเหลว

อาการข้างเคียงสำคัญ: ปวดศีรษะ GI upset นอนไม่หลับ/ง่วง ผิดปกติทางเพศ; เสี่ยง suicidality ใน < 25 ปี; discontinuation syndrome ถ้าหยุดเร็ว


เมื่อมีความทุกข์มาก/อาการแย่ช่วงเริ่ม SSRI

  • ตรวจทวนว่าไม่ใช่ mixed features ของ bipolar
  • สองทางเลือก (shared decision):

1.       เพิ่มความถี่การพบแพทย์/การพยาบาล เพื่อพยุงช่วงรอฤทธิ์ยา

2.       ยาช่วยเสริมชั่วคราว ตามประวัติ SUD

§  ไม่มี SUD: ใช้ clonazepam ชั่วคราว 10–12 สัปดาห์ แล้ว taper ช้าๆ

§  เริ่ม 0.25–0.5 mg qHS, เพิ่ม 0.25–0.5 mg ทุก 3 วัน เป้าหมายส่วนใหญ่ 1–2 mg/d (ไม่เกิน ~3 mg/d)

§  วิธีลดยา: ลด 0.25 mg/สัปดาห์ จนถึง 0.5 mg แล้วลด 0.125 mg/สัปดาห์

§  ระวังการพึ่งพา ง่วง-เสีย psychomotor หลีกเลี่ยงขับขี่ตอนเริ่ม/เพิ่มขนาด

§  มี SUD (active/ประวัติ): เลือก gabapentin (เช่น 200 mg TID, เพิ่มรายสัปดาห์ถึง 600–900 mg TID), pregabalin (คุมมากกว่า, เริ่ม 50 mg/d ไต่ถึง ~300 mg/d แบ่งให้), หรือ mirtazapine 15 mg qHS 30–45 mg (ถ้ามีนอนไม่หลับ/เบื่ออาหาร)


หากตอบสนองไม่พอ

1) ตอบสนองน้อย/ไม่มี ต่อ SSRI ตัวแรก

  • ให้ที่ maximally tolerated dose > 6 สัปดาห์ ก่อนตัดสิน
  • สลับเป็น SSRI ตัวที่สอง (ความล้มเหลวต่อหนึ่งตัว ไม่ทำนาย ล้มเหลวทั้งกลุ่ม)
  • ถ้ายังไม่ดี เปลี่ยนเป็น SNRI (venlafaxine ER)
    • ขนาด/การไต่: 37.5 mg qAM 75 mg (สัปดาห์ที่ 2) 150 mg (อีก 2 สัปดาห์) ประเมิน 6 สัปดาห์ ถ้าไม่พอขึ้น 225 mg/d
    • ติดตามความดันทุกครั้ง (ความเสี่ยง HT ขนาดสูง โดยเฉพาะสูงอายุ/ความดันเดิม)
    • หลีกเลี่ยง IR venlafaxine (อาการข้างเคียงสูง)

เทคนิคเปลี่ยนยา: taper ตัวแรก ~25% ต่อสัปดาห์ ควบคู่กับการไต่ตัวที่สอง (รวม ~4 สัปดาห์)

2) ตอบสนองบางส่วน ต่อ SSRI

  • เสริม CBT (ถ้ายังไม่ได้ทำ) หลักฐานบ่งชี้ว่า ดีกว่ายาเดี่ยว
  • ถ้า ไม่มี SUD: พิจารณา เพิ่ม clonazepam (หลักการข้างต้น)
  • ถ้า มี SUD: พิจารณา gabapentin/pregabalin/mirtazapine เป็นตัวเสริม

ระยะเวลาการรักษา-การหยุดยา

  • คงยาที่ได้ผล > 1 ปี หลังควบคุมอาการ แล้วประเมินปัจจัยเสี่ยงกลับเป็นซ้ำ (โรคร่วมซึมเศร้า/agoraphobia, ความรุนแรงตั้งต้น, stress ต่อเนื่อง, อาการคงค้างโดยเฉพาะ avoidance)
  • หลักฐานชี้ว่าอาการยัง ดีขึ้นต่อเนื่อง 6–12 เดือนแรก ของ SSRI/SNRI/TCA
  • หลังหยุด antidepressant: อัตรา relapse ~25–50%
  • CBT ที่ได้ผลดี: คงอยู่ที่ 6–12 เดือน; booster sessions ช่วยผลระยะยาว
  • BZD: หยุดเร็วเสี่ยง withdrawal/สับสนกับ relapse taper ช้าเป็นสัปดาห์-เดือน

ทางเลือกเมื่อดื้อการรักษา

  • ตรวจทวนวินิจฉัย/โรคร่วม/การยึดมั่นรักษา/คุณภาพ CBT-exposure
  • ไม่ตอบสนองต่อ SSRI/SNRI > 2–3 ตัว + ลองเสริม (BZD/ทางเลือก non-BZD) แล้ว:
    • ใช้ TCA (ชอบ nortriptyline มากกว่า imipramine เรื่อง orthostasis/anticholinergic)
      • เริ่ม 25 mg/d เพิ่มทีละ 25 mg/สัปดาห์ 50–100 mg/d; ถ้าไม่พอที่ 4 สัปดาห์ 150 mg/d
      • ระวัง anticholinergic, น้ำหนักขึ้น, ง่วง, ความดันตก, ความเสี่ยง overdose
    • ถ้ายังไม่ได้ผล MAOI (phenelzine) ในรายคัดสรร (หายาก)
      • ไต่: 15 mg/d ×3 วัน 15 mg BID ×7 วัน 15 mg TID ×10 วัน 30 mg BID
      • เว้นล้างยา หลังหยุด SSRI/SNRI ตามครึ่งชีวิต ป้องกัน serotonin syndrome + ควบคุมอาหาร/ยาที่ห้ามร่วม

ยาที่หลักฐานไม่สนับสนุน/ไม่แนะนำ

  • Buspirone, trazodone, bupropion, nefazodone (ไม่พบประสิทธิผลชัดใน PD)
  • Carbamazepine/tiagabine (mono ไม่ได้ผล)
  • Beta-blocker/Clonidine เป็น monotherapy ไม่ได้ผล (มีข้อมูล augmentation ขนาดเล็กในรายดื้อ)
  • SGA (antipsychotics) augmentation: หลักฐานลบ + ผลไม่พึงประสงค์เมตาบอลิก หลีกเลี่ยง

ประเด็นเฉพาะ (เลือกทำ “ผสมผสาน”)

  • Suicidality/โรคร่วมเด่น (MDD/PTSD/Anxiety อื่น) เริ่ม CBT+SSRI เป็นหลัก
  • ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้ารุนแรงมาก อาจ เริ่มยา ก่อน แล้วต่อด้วย CBT เมื่อพร้อม
  • Adult separation-anxiety theme: อาจพิจารณา psychodynamic therapy แบบสั้น ในเคสจำเพาะ

 

ชุดคำสั่งใช้งานเร็ว (Quick order set)

ก่อนเริ่มยา: อธิบายโรค-คาดการณ์ผลยา-การกลับเป็นซ้ำ-แผน taper, ตรวจ BP/น้ำหนัก/อาการนอน/ใช้สาร
ตัวอย่างสั่งเริ่ม SSRI

  • Sertraline 25 mg qAM ×3–7 d 50 mg qAM; นัดติดตาม 2–4 สัปดาห์; ถ้าไม่พอ เพิ่มทีละ 50 mg/สัปดาห์ เป้าหมาย 100–200 mg/d
    ตัวอย่างเสริมชั่วคราว (ไม่มี SUD)
  • Clonazepam 0.25–0.5 mg qHS เพิ่มทุก 3 วันตามอาการ (ส่วนใหญ่ 1–2 mg/d) วางแผนหยุดภายใน 10–12 สัปดาห์
    ถ้ามี SUD/เลี่ยง BZD
  • Gabapentin 200 mg TID, เพิ่มสัปดาห์ละ 600–900 mg รวมเป็น 600–900 mg TID (ชั่วคราว 10–12 สัปดาห์ แล้ว taper ช้า)
    ไม่ตอบสนองต่อ SSRI ตัวแรก
  • สลับ SSRI ตัวที่สอง; ถ้ายังไม่ดี Venlafaxine ER 37.5 75 150 225 mg/d; วัด BP ทุกครั้ง
    ทุกเคส: เสนอ/ส่งต่อ CBT (หรือ remote CBT) เร็วที่สุด

 


Psychotherapy in Panic Disorder (PD) ± Agoraphobia ในผู้ใหญ่

ภาพรวม

  • PD: panic attacks ซ้ำ ๆ (อย่างน้อยบางครั้งเป็น unexpected) + > 1 เดือนของการกังวลผล/เกิดซ้ำ หรือ เปลี่ยนพฤติกรรม เลี่ยง/ขอตรวจซ้ำ
  • พบ panic attack ได้ถึง ~1/3 ของประชากร แต่ พัฒนาเป็น PD ~3% ของประชากร
  • การรักษาเชิงจิตสังคมและยา ได้ผลใกล้เคียงกัน; หัวข้อนี้เน้น CBT เป็นหลัก

กรอบคิดเชิงทฤษฎี (ทำไม CBT จึงเวิร์ก)

  • Interoceptive conditioning: ความกลัวต่อสัญญาณภายในร่างกาย (หัวใจเต้นเร็ว เวียนหัว ฯลฯ) ที่ถูก “จับคู่” กับความกลัวรุนแรง
  • Catastrophic appraisal: ตีความอาการกายว่า “จะตาย/บ้า/ควบคุมไม่ได้” วงจร panic กำเริบ
  • Avoidance & safety behaviors (พกยาเป็นหลักยึด เกาะคน ใกล้ทางออก) รักษาความเชื่อหายนะ และขัดขวางการดับเงื่อนไขความกลัว

ข้อบ่งชี้/ข้อพิจารณาเลือกจิตบำบัด

  • เหมาะกับผู้ป่วยที่ มุ่งแก้ปัญหา มีแรงจูงใจ ทำการบ้านได้
  • ความเครียดชีวิตสูง/โรคกายที่กระตุ้น (arrhythmia, severe asthma ฯลฯ) อาจต้อง เริ่มยา หรือทำ exposure แบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมติดตามทางกาย
  • โรคจิตเภท/ภาวะคิดผิดปกติ/สมองเสื่อม: หลายกรณี ไม่เหมาะ กับ exposure เข้มข้น
  • วัฒนธรรม/บริบทครอบครัว: CBT ใช้ได้กว้าง อาจเพิ่มบทบาทครอบครัวตามเหมาะสม

การประเมินก่อนเริ่ม (เพื่อ tailor แผน)

  • สัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง (เช่น ADIS-5) ระบุ: ความถี่-ความรุนแรง-duration-รูปแบบ avoidance/safety behaviors
  • แบบประเมินประกอบ:
    • Anxiety Sensitivity Index (เชิง trait)
    • Body Sensations & Agoraphobia Cognitions (สิ่งกระตุ้นเฉพาะ)
    • Mobility Inventory (เลี่ยงสถานการณ์—คนเดียว/มีเพื่อน)
    • Albany Panic & Phobia (กิจกรรมชวนเกิดอาการ)
  • Behavioral avoidance tests (ขอให้ทำสิ่งที่อาจกระตุ้น เช่น วิ่งอยู่กับที่ หมุนตัว hyperventilation; agoraphobia: ขับรถบนทางด่วน, ต่อคิว ฯลฯ) เป็น baseline และติดตามผล

โครงสร้างและ “ส่วนผสม” ของ CBT

เป้าหมาย: สอน ทักษะรับมือทางความคิด/กาย + exposure ซ้ำ ๆ ต่อ sensations และ situations ที่กลัว จนเรียนรู้ว่า “ไม่อันตราย/ควบคุมได้/ทนได้”
ความยาวมาตรฐาน: 10–20 ครั้ง (เดี่ยวหรือกลุ่ม) ครั้งละ 60–120 นาที + การบ้านทุกวัน
องค์ประกอบหลัก

1.       Psychoeducation: fight–flight, feedback loop กาย–คิด–พฤติกรรม, ขจัดความเชื่อผิด

2.       Self-monitoring: บันทึก panic attack & daily mood/avoidance ต่อเนื่อง

3.       Somatic skills

o   Breathing retraining (ช้า/ท้อง) หรือ CART (capnometry-assisted) ในราย hyperventilation

o   Progressive muscle relaxation (1684 กลุ่ม cue-control)

4.       Cognitive restructuring: ระบุ–ท้าทาย–แทนที่ catastrophic thoughts/schema ด้วยหลักฐานจริง

5.       Exposure

o   Interoceptive: จงใจชวนอาการกาย (หมุน/วิ่ง/หายใจเร็ว/คาเฟอีน/ออกกำลัง) อยู่กับอาการจน “คลื่น” ลดเอง

o   In vivo: ไล่ขั้นจากง่ายยากใน hierarchy; ลด safety behaviors อย่างเป็นระบบ

o   ผสม interoceptive + in vivo ในช่วงท้ายเพื่อการเรียนรู้กว้างขวาง

6.       Relapse prevention: นิยาม lapse failure, วางแผนทบทวนทักษะ & exposure เอง


ประสิทธิผลและความยั่งยืน

  • CBT > placebo/waitlist; ขนาดอิทธิพลระดับ กลาง–มาก
  • ผล คงอยู่ 6–12 เดือน; booster sessions เพิ่มผลระยะยาว; อัตรา relapse โดยรวม น้อยกว่าการใช้ยา
  • Primary care ด้วยนักบำบัดมือใหม่ (หลังอบรม) + การประสานงาน response/remission สูงขึ้น
  • Dropout ~19%; ~30% ยังทำหน้าที่ได้ไม่ดีที่ follow-up เน้น การบ้าน/exposure เพียงพอ เป็นตัวทำนายผลสำคัญ

Remote/Brief CBT และทางเลือกอื่น

  • Remote CBT (internet / วิดีโอ / bibliotherapy) effect size ใหญ่ ใกล้เคียง face-to-face; self-help ที่มีผู้เชี่ยวชาญกำกับ > unguided
  • Brief/Intensive CBT: ได้ผลในบางบริบท (ฉุกเฉิน/ค่าย 2–4 วัน) แต่เลือกคนไข้ให้เหมาะ
  • Psychodynamic therapy (panic-focused): หลักฐานบวกระดับหนึ่ง (เหนือ relaxation ใน RCT ขนาดเล็ก)
  • IPT: ด้อยกว่า CBT ใน PD/Agoraphobia
  • ACT/MBSR (acceptance-based): หลักฐานเริ่มต้น/ผสม—มีประโยชน์ในบางราย แต่ ยังไม่แทน CBT มาตรฐาน

เคล็ดลับเวชปฏิบัติ (Clinical pearls)

  • เริ่มจาก psychoeducation + self-monitoring + hierarchy ตั้งแต่ครั้งแรก
  • เลิก safety behaviors อย่างวางแผน (ไม่ใช่รวดเดียว) เพื่อป้องกัน “แทนที่ด้วย safety รูปแบบใหม่”
  • หลีกเลี่ยงเริ่ม/เพิ่ม benzodiazepine ระหว่างทำ CBT (รบกวนการเรียนรู้จาก exposure)
  • Comorbidity (MDD/Anxiety อื่น/บุคลิกภาพ) มัก ไม่ทำลายประสิทธิผล CBT แต่อาจต้อง ยืดคอร์ส และบูรณาการยา
  • การบ้านคือหัวใจ จัด template บันทึก panic/daily mood/behavioral test ให้ผู้ป่วย

 

แผนใช้งานเร็ว (One-page protocol)

ครั้งที่ 1: ให้ความรู้ + สร้าง model PD + เริ่ม self-monitoring + หายใจ/ผ่อนคลายพื้นฐาน + วาง hierarchy (situations/sensations)
ครั้งที่ 2–3: ทบทวนบันทึก + เริ่ม interoceptive exposure ในคลินิก
การบ้านรายวัน
ครั้งที่ 4–6: in vivo exposure ไล่ขั้น + ลด safety behaviors + cognitive restructuring เชิงหลักฐาน
ครั้งที่ 7–10+: รวม interoceptive+in vivo ในสถานการณ์ยากจริง + วาง relapse plan + กำหนด booster
เมื่อเข้าถึงยาก/แรงจูงใจจำกัด: ใช้ remote/brief CBT แบบ มีผู้กำกับ + ประสาน pharmacotherapy (SSRI) ตามความเหมาะสม

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น