Seizure management
1.
Seizure: การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างฉับพลันจากภาวะที่มี
electrical hypersynchronization ในสมองส่วน cerebral
cortex
2.
Acute symptomatic (provoked) seizure: อาการชักที่เกิดขึ้นร่วมกับภาวะผิดปกติของระบบหรือสมอง เช่น stroke,
head injury, การติดเชื้อ, ความผิดปกติทางเมตาบอลิสม์
หรือการถอนสารกระตุ้น
3.
Unprovoked seizure: อาการชักที่ไม่มีปัจจัยกระตุ้นเฉียบพลัน
หรือเกิดจากพยาธิสภาพของสมองในอดีต เช่น เลือดออก, การติดเชื้อ,
การบาดเจ็บ หรือโรคที่ดำเนินต่อเนื่อง
4.
Epilepsy: การวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชักหากเข้าเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง:
o มีอาการชักที่ไม่ได้เกิดจากการกระตุ้น ≥2
ครั้งห่างกันเกิน 24 ชั่วโมง
o มีอาการชัก 1 ครั้งแต่มีความเสี่ยงชักซ้ำ ≥60%
ใน 10 ปี
o ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น epilepsy syndrome
การจัดกลุ่มประเภทอาการชัก (ILAE
Classification)
1.
Focal seizures
o มีสติสัมปชัญญะคงอยู่ (simple partial)
o มีสติสัมปชัญญะบกพร่อง (complex partial)
o อาจลุกลามเป็น bilateral tonic-clonic (focal to bilateral)
2.
Generalized seizures
o Tonic-clonic
o Absence
(แบบทั่วไปและแบบผิดปกติ)
o Myoclonic
o Clonic
o Tonic
o Atonic
สาเหตุของอาการชัก (Causes)
- Acute
CNS injury: Stroke, trauma, infection, hemorrhage, eclampsia
- Metabolic:
Hypoglycemia, hyponatremia, hypocalcemia, uremia, withdrawal states
- Toxins/Medications:
Cocaine, amphetamines
- Structural/Chronic:
Tumors, medial temporal sclerosis, vascular malformations, prior
infections/trauma, neurodegenerative diseases
- Genetic/Idiopathic:
โดยเฉพาะในเด็กหรือวัยรุ่น เช่น juvenile myoclonic
epilepsy
การประเมินผู้ป่วยที่มีอาการชักครั้งแรก (Initial
Evaluation)
1.
ซักประวัติและตรวจร่างกาย
o อธิบายเหตุการณ์, แยกโรคที่คล้ายกัน (syncope,
TIA, PNES)
o อาการหลังชัก: สับสน, Todd's paresis
o ปัจจัยกระตุ้น: ความเครียด, นอนไม่พอ, ดื่มแอลกอฮอล์
o เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน, ประวัติครอบครัว, ใช้สารเสพติด
2.
Laboratory tests
o Glucose,
electrolytes (Na, Ca, Mg), lactate, renal/liver function
o Urine
tox screen if indicated
o Pregnancy
test ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
3. ECG
เพื่อ r/o cardiogenic
syncope, long QT, arrhythmia
4.
Neuroimaging
o Urgent
noncontrast CT: ถ้ามี focal deficit, trauma,
malignancy, immunosuppression
o MRI
with epilepsy protocol: เพื่อหา epileptogenic lesions
5.
Electroencephalography (EEG)
o Routine
outpatient EEG ภายในเวลาเป็นวัน
o Urgent
continuous EEG หากผู้ป่วยไม่ฟื้นตัวหรือมี postictal period
นานผิดปกติ
6.
Lumbar puncture
o หากสงสัย CNS infection หรือ subarachnoid
hemorrhage (post-imaging)
DIFFERENTIAL DIAGNOSIS
- Syncope
- TIA
- Migraine
- Panic/anxiety
- Functional
(PNES)
- Narcolepsy
- Sleep
disorders
การจัดการผู้ป่วยชักครั้งแรก (Management)
1.
ดูแลหลังชักทันที
o ส่วนมากหายเองใน 2 นาที
o รักษาสาเหตุที่แก้ไขได้ เช่น ให้น้ำตาลใน hypoglycemia
o หลีกเลี่ยงการแก้ไข hyponatremia อย่างรวดเร็วเกินไป
2.
Status epilepticus: หากชัก
>5–10 นาที หรือชักต่อเนื่องโดยไม่ฟื้นตัว ต้องรักษาทันที
3.
จะเริ่มยา ASM หรือไม่?
o Provoked
seizures: ไม่จำเป็นต้องให้ยาในระยะยาว ยกเว้นกรณีรุนแรง
o
Unprovoked seizures:
§ พิจารณาให้ยา หากความเสี่ยงชักซ้ำ ≥60% (เช่น MRI หรือ EEG ผิดปกติ)
§ หากมีอาการชัก ≥2 ครั้ง
ต้องเริ่มยาเสมอ
ข้อบ่งชี้ในการรับไว้ในโรงพยาบาล (Hospitalization)
- ช่วง postictal ยาวนาน
- Status
epilepticus
- บาดเจ็บรุนแรง
- สงสัยติดเชื้อระบบประสาทกลาง
- ไม่สามารถติดตามหรือสืบค้นเพิ่มเติมแบบผู้ป่วยนอกได้
การส่งต่อและให้ความรู้ผู้ป่วย (Referral
and Education)
- Refer to neurologist ยกเว้นมีสาเหตุกระตุ้นชัดเจน
- แนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อความปลอดภัย เช่น
หลีกเลี่ยงว่ายน้ำลำพัง ทำงานที่สูง
- ให้คำแนะนำเรื่องการขับรถ
- ประเมินความต้องการด้านจิตสังคม
ข้อควรระวังสำหรับผู้ป่วยชัก (Seizure
Precautions)
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น: นอนไม่พอ, แอลกอฮอล์,
แสงกระพริบ
- ควรอาบน้ำด้วยฝักบัวแทนอ่างน้ำ
- ติดตามการใช้ยาสม่ำเสมอ
เอกสารควรบันทึก (Documentation)
- ลักษณะอาการชักอย่างละเอียด
- ความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา ASM
- คำแนะนำเรื่องการขับรถและความปลอดภัย
- แผนการติดตามหรือส่งต่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น