วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568

Acute Pain

Acute Pain

เป้าหมายของการรักษาปวดเฉียบพลัน

  • บรรเทาความเจ็บปวด, เพิ่มการทำหน้าที่, เร่งการฟื้นตัว, พึงพอใจของผู้ป่วย
  • หลังผ่าตัด: คุณภาพการฟื้นตัวดีขึ้น, ลุกเดินเร็ว, ลดระยะนอน รพ.
  • กลยุทธ์ที่เหมาะสม: multimodal therapy เพื่อเพิ่มประสิทธิผล ลดผลข้างเคียง และ ลดการพึ่งพา opioids

พยาธิสรีรภาพของการปวดเกี่ยวกับการผ่าตัด (สรุปย่อ)

  • เกิดจาก บาดเจ็บเนื้อเยื่อ + อักเสบ + การบาดเจ็บเส้นประสาท hyperalgesia/allodynia
  • กระบวนการ nociception: Transduction Transmission Modulation Perception (ยาต่างชนิด target ได้ต่างขั้นตอน)
  • Somatic vs Visceral pain: เส้นทางต่างกัน regional บางแบบครอบคลุมได้ทั้งสอง (เช่น epidural), ขณะที่ fascial plane blocks มักเด่น somatic

หลักคิดสำคัญ: Multimodal Analgesia

  • ใช้ > 2 วิธี/ยา ที่มีกลไกต่างกัน (non-pharm, regional, nonopioid, opioid เมื่อจำเป็น)
  • ลดขนาด opioid และผลข้างเคียง, สอดคล้อง ERAS (enhanced recovery after surgery) และเป็น คุณภาพตัวชี้วัด (CMS)
  • แนวคิด “preventive analgesia”: เริ่มองค์ประกอบบางส่วน ก่อน/ระหว่าง/หลังผ่าตัด ให้ครอบคลุมช่วง periop เพื่อกด sensitization ไม่จำเป็นต้อง “preemptive” ก่อนกรีดเสมอ แต่ ควรออกฤทธิ์ต่อเนื่องเมื่อฟื้นยาสลบ

ตัวอย่าง nonopioid/adjuncts: acetaminophen, NSAIDs, local anesthetics, gabapentinoids, ketamine, α2-agonists ฯลฯ
Update (สหรัฐฯ 2025): Suzetrigine (Nav1.8 inhibitor) สำหรับ acute painข้อมูลการใช้จริงยังจำกัด บทบาทต้องรอหลักฐานเพิ่มเติม


การประเมินก่อนวางแผน

  • โรคร่วม/จิตเวช/ประวัติการใช้สาร/ประวัติการรักษาปวด/ยาประจำ
  • ความเสี่ยงทำ regional ยาก (อ้วน, AS, ผ่าตัดหลัง) หรือ ห้ามทำ neuraxial (เกล็ดเลือด/การแข็งตัวผิดปกติ)
  • ผู้ใช้ opioids เรื้อรัง/มี OUD ต้องวางแผนเฉพาะแบบสหสาขา
  • OSA/ผู้สูงอายุ ไวต่อ opioids/ยากดประสาทมากขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงปวดมาก/ยาวนาน: อายุน้อย, เพศหญิง, สูบบุหรี่, ซึมเศร้า/กังวล, catastrophizing, SUD, อ้วน, มีปวดก่อนผ่าตัด; ชนิดผ่าตัด (เช่น TKA) ปวดนานกว่า

บริการเสริม: Transitional Pain Service (TPS) ช่วยลดการใช้ opioid ระยะยาวในกลุ่มเสี่ยง/ใช้เรื้อรัง

การให้ความรู้/ตั้งความคาดหวัง: เป้าหมายคือ “ปวดรับได้และทำกิจกรรมได้ไม่ใช่ไร้ปวด; สอน การลดยา opioid, เก็บรักษา/ทิ้งยาอย่างปลอดภัย


กลยุทธ์ตาม “คาดการณ์ความรุนแรงของปวด”

พื้นฐานสำหรับทุกราย: nonpharm (ประคบเย็น ยกสูง ดนตรี TENS ฯลฯ), Acetaminophen + NSAIDs (หากไม่ข้อห้าม), local/regional ที่เหมาะสม

  • คาดว่าปวดน้อย: มักพอด้วยแผนพื้นฐาน; มัก ไม่ต้องจ่าย opioid กลับบ้าน
  • คาดว่าปวดปานกลาง: พิจารณา continuous perineural catheter ถ้าปวด > 2 วัน; opioids PRN ใน รพ.; แผนสั่งกลับบ้าน + แนวทาง taper
  • คาดว่าปวดมาก: เติม neuraxial (single/continuous) ตามข้อบ่งชี้; gabapentinoids/ketamine/lidocaine infusion ในรายคัดเลือก; opioids ตามกำหนดช่วงแรก (โดยเฉพาะผู้ใช้เดิม) เปลี่ยนเป็น PRN; PCA ถ้าทานไม่ได้

Opioids: ให้ ชนิดออกฤทธิ์สั้น, เลือก ทางปากก่อน IV, เลี่ยงสูตร รวม APAP/NSAIDสั่งแยกเพื่อลด opioid

Regional/Wound infiltration: ใช้เมื่อเป็นไปได้; TAP/plane blocks ช่วยปวดแผลผนังหน้าท้อง (ไม่ครอบคลุม visceral)


การประเมินผล/ติดตาม

  • ใช้ เครื่องมือมาตรฐาน: NRS/VAS (อย่าประเมินเฉพาะ “ปวดขณะพัก”—ควรประเมิน ปวดขณะเคลื่อนไหว)
  • ประเมิน การทำหน้าที่ (function) ร่วม: BPI, PROMIS, DVPRS (วัดผลต่อกิจกรรม/นอน/อารมณ์/ความเครียด)

การปรับแผน & ลดระดับการรักษา

  • หากคุมปวดไม่ดี: เพิ่ม nonopioid/regional ก่อน จึงค่อยเพิ่ม/จัดตาราง opioids หรือเปลี่ยนเป็น IV/PCA
  • หากมีผลข้างเคียง: ลดขนาด/หยุด/เปลี่ยนเทคนิค
  • วางแผน de-escalation ชัดเจน:
    • หยุด regional เมื่อปวดคุมได้ด้วยยากิน (อาจ pause infusion เพื่อประเมิน)
    • เปลี่ยน IV oral เมื่อพร้อม
    • taper opioids (ยืดช่วงห่าง/ลดขนาด) โดยยังคง nonopioids ต่อ
  • ถ้ายังปวดมากกว่าคาดหรือใช้ opioid นานกว่าคาด ส่งต่อ pain specialist/TPS

กลุ่มพิเศษ

  • อ้วน/OSA: ใช้ opioid-sparing multimodal เสมอ; OSA เสี่ยงปวดมากขึ้นและไวต่อกดหายใจจาก opioids โดยเฉพาะ 24 ชม.แรก
  • ผู้ใช้ opioids เรื้อรัง/OUD: คงขนาดเดิม, เพิ่ม nonopioid/regional, เติม opioids เท่าที่จำเป็นร่วมทีมสหสาขา
  • ตั้งครรภ์: หลีกเลี่ยง NSAIDs (ต้นไตรมาสแรก/ปลายไตรมาสสาม); ขนาดเดี่ยวช่วงกลางครรภ์อาจรับได้ในบางกรณี
  • ให้นมบุตร: ยาสลบ/Nonopioid ส่วนใหญ่ปลอดภัย; เลี่ยง ketamine หากทำได้; ใช้ opioids ด้วยความระมัดระวังโดยเฉพาะทารก < 6 สัปดาห์

 

Multimodal Opioid-Sparing Analgesia

หลักคิดเร็ว

  • Multimodal = ผสม non-pharm + regional + non-opioid และใช้ opioid เท่าที่จำเป็น
  • วางแบบ stepwise:

1.       ให้ acetaminophen + NSAID ถ้าไม่ข้อห้าม

2.       เติม gabapentinoid / IV lidocaine / ketamine / dexamethasone / α2-agonist ตามบริบทและความเสี่ยง

3.       คุมผลข้างเคียง, ประเมิน pain + function สม่ำเสมอ, วางแผน taper


กลยุทธ์ใช้งาน

  • ทุกราย (ไม่มีข้อห้าม): acetaminophen + NSAID; ใช้แบบ scheduled ช่วงแรก (หลักฐานเรื่อง scheduled vs PRN ยังจำกัด แต่ช่วยลดพลาดโดส)
  • ผ่าตัดปวดปานกลาง–มาก/เสี่ยงปวดมาก: พิจารณา gabapentinoid (< 75 ปี), IV lidocaine (ถ้าไม่ได้ epidural/cont. block), ketamine (opioid-tolerant/OUD/OSA)
  • หลีกเลี่ยงใช้เกินจำเป็น และจำกัดระยะเวลา (ยิ่งในผู้สูงอายุ/ไตเสื่อม/ตับเสื่อม)

ตัวเลือก Non-opioid (ขนาดยา/จุดเน้น)

1) Acetaminophen

  • ขนาดมาตรฐาน
    • PO/PR: 325–1000 mg q4–6h (max 4 g/วัน)
    • IV > 50 kg: 650 mg q4h หรือ 1000 mg q6h (max 4 g/วัน)
    • < 50 kg/ดื่มสุรา/ขาดสารอาหาร/ขาดน้ำ: 12.5 mg/kg q4h หรือ 15 mg/kg q6h (max 750 mg/โดส; < 3.75 g/วัน)
    • ไตเสื่อม CrCl < 30: ให้ ห่างอย่างน้อย q6h; หลีกเลี่ยง ในโรคตับรุนแรง/active
    • ตับปานกลาง–รุนแรง: ใช้ด้วยความระมัดระวัง (พิจารณา < 3 g/วัน; ในตับแข็งส่วนใหญ่ < 2 g/วัน ปลอดภัย)
  • หมายเหตุ: IV onset เร็วกว่าแต่ผลระยะยาว ไม่เหนือกว่า PO ในหลายการศึกษา; ใช้ IV เมื่อทานไม่ได้/ต้องการ onset เร็ว
  • ผลข้างเคียง: น้อยเมื่อใช้ระยะสั้น < 2 สัปดาห์

2) NSAIDs (รวม COX-2)

  • ข้อควรระวัง/ข้อห้าม: CKD (โดยเฉพาะ eGFR < 60), PUD, CABG, หลังผ่าตัด intracranial; colorectal anastomosis พิจารณา COX-2
  • ตัวเลือก/ขนาด
    • Celecoxib: preop 200–400 mg PO (> 75 ปี 200 mg); post-op 200 mg PO q12–24h
    • Ibuprofen: preop 600–800 mg PO/IV; post-op 600–800 mg q6–8h
    • Naproxen: preop 500 mg PO; post-op 500 mg q12h
    • Ketorolac (IV): 15–30 mg IV q6h (หลีกเลี่ยง CKD; ปรับขนาดใน < 50 kg/> 65 ปี; < 5 วัน)
    • Topical diclofenac: patch 1.3% วันละ 1–2 ครั้ง หรือ gel 1% ตามคำแนะนำ (เหมาะ sprain/strain ผู้ป่วยนอก)
  • ประสิทธิผล: ลด opioid consumption ชัดเจนที่สุดในหลายโปรโตคอล; COX-2 nonselective เรื่อง analgesia
  • ความปลอดภัย: เฝ้าระวัง CV/GI/renal; ใช้ ขนาดต่ำสุด ระยะสั้นสุด (มัก < 2 สัปดาห์)

3) Gabapentinoids (Pregabalin/Gabapentin)

  • ข้อบ่งใช้: พิจารณาในผ่าตัดปวดปานกลาง–มาก โดยเฉพาะผู้ป่วย opioid-tolerant/OUD; หลีกเลี่ยงหรือ ลดขนาด ใน > 75 ปี, OSA, ใช้ร่วม opioid, ไตเสื่อม
  • ขนาด
    • Pregabalin: preop 75–150 mg PO; post-op 75 mg q12h จนจำหน่าย
    • Gabapentin: preop 300–800 mg PO; post-op 300–600 mg q8h จนจำหน่าย
    • ปรับลดตาม CrCl; โดยทั่วไป ไม่ต่อเนื่องหลังจำหน่าย เว้นสงสัยปวด neuropathic
  • ประสิทธิผล: ลด opioid ได้ เล็กน้อย; อาจไม่คุ้มในหลายหัตถการ
  • อาการไม่พึงประสงค์: ง่วง เวียนศีรษะ มองเห็นผิดปกติ; เสี่ยงกดหายใจ เมื่อร่วม opioid อาจต้องเฝ้าระวังหายใจต่อเนื่องในกลุ่มเสี่ยง

4) Intravenous Lidocaine

  • ใช้เมื่อ ผ่าตัด spine หรือ เปิดช่องท้อง และ ไม่ได้ ใช้ epidural/continuous block; พิจารณาใน acute nonsurgical severe pain (renal/biliary colic, migraine, ischemia, rib fractures) เพื่อเลี่ยง opioid
  • ขนาด (คำนวณจาก IBW)
    • Bolus 1–1.5 mg/kg IV ที่ induction infusion 1.5–2 mg/kg/h (ผู้สูงอายุ ~1 mg/kg/h)
    • อาจต่อ < 24 ชม. post-op ใน ward ที่มี monitoring; เว้นระยะ > 4 ชม. ระหว่าง lidocaine IV กับ regional LA
  • ประสิทธิผล: หลักฐาน ผสม; ประโยชน์มักเล็กน้อย/สั้น; มีสัญญาณดีใน spine surgery
  • อาการไม่พึงประสงค์: CNS symptoms (ชา-ซ่า ปากชา หูอื้อ ง่วง), หัวใจผิดจังหวะพบไม่บ่อย; ลดขนาดในตับเสื่อม/ยาที่ผ่าน CYP

5) Topical Lidocaine (patch 3.5–5%)

  • ประโยชน์ จำกัด/เล็กน้อย (เช่น ปวดแผล trocar); ความปลอดภัยสูง ราคาต่ำ เหมาะผู้ป่วยนอก

6) Ketamine (subanesthetic)

  • แนะนำ ในผ่าตัดปวดมาก/ผู้ป่วย opioid-tolerant/OUD/OSA; หลีกเลี่ยงในผู้สูงอายุทั่วไป/หัตถการปวดน้อย
  • ขนาด
    • Intraop bolus 0.25–0.5 mg/kg IV infusion 0.1–0.5 mg/kg/h (ลด/หยุดก่อนจบผ่าตัด 45–60 นาที)
    • PACU rescue: 10 mg IV ซ้ำได้ (รวมประมาณ < 0.25 mg/kg)
    • ED analgesia: 0.1–0.5 mg/kg IV (ให้ช้า 10–15 นาที; ทำซ้ำได้)
  • ประสิทธิผล: ลด opioid และปวดในผ่าตัดปวดมาก/กระดูก-ทรวงอก-ช่องท้อง; ผลลบในบางงานเมื่อให้ bolus เดี่ยว
  • ข้อห้าม/ระวัง: CVD คุมไม่ดี, ตั้งครรภ์, psychosis, ตับเสื่อมหนัก, ICP/IOP; เฝ้าระวัง psychomimetic, ความดัน-ชีพจรสูง

7) Glucocorticoids (Dexamethasone)

  • ขนาด: 8–10 mg IV intraop (สูงกว่าขนาด PONV)
  • ประสิทธิผล: ลดปวด/โอปิออยด์ เล็กน้อย + กัน PONV
  • หลีกเลี่ยง/ระวัง: DM คุมไม่ดี (เสี่ยง hyperglycemia), ภูมิคุ้มกัน/แผลหายช้า (พิจารณาเป็นรายกรณี)

8) α2-Agonists

  • Clonidine: 200–300 mcg PO หรือ 1–4 mcg/kg IV; แผ่นแปะ 0.2 mg (ใช้ร่วม ketamine หลายวัน)
  • Dexmedetomidine: 0.3–0.7 mcg/kg/h (หลีกเลี่ยง bolus > 0.5 mcg/kg); ช่วย analgesia + ลด delirium ในบางกลุ่ม
  • ผลข้างเคียง: ความดันต่ำ/หัวใจช้า/ง่วง ต้องมี monitoring; หลาย รพ. จำกัดใช้เฉพาะ ICU/PACU

9) Skeletal Muscle Relaxants (Adjunct ชั่วคราว)

  • ขนาดตัวอย่าง: cyclobenzaprine 5–10 mg q8h PRN; baclofen 5–10 mg q8h PRN; tizanidine 2–4 mg q8–12h PRN (max 24 mg/วัน); methocarbamol 1.5 g PO q6–8h หรือ 1 g IV q8h < 3 วัน
  • ข้อควรระวัง: ง่วง-เวียน; ระวังร่วม opioid/ผู้สูงอายุ; มัก ไม่ให้ต่อหลังจำหน่าย

10) Suzetrigine (Nav1.8 inhibitor) — ยา non-opioid รุ่นใหม่ (US 2025)

  • ขนาดที่ศึกษา: 100 mg PO loading 50 mg PO q12h
  • หลักฐาน: ลดปวดดีกว่า placebo ใน abdominoplasty/bunionectomy; เทียบ hydrocodone/APAP ได้ใกล้เคียง/ด้อยกว่าตามแบบศึกษา; อาการคลื่นไส้อาเจียนน้อยกว่า hydrocodone
  • หมายเหตุสำคัญ: บทบาทจริงยัง ไม่ชัดเจน; ต้องรอข้อมูลเพิ่ม (ชนิดผ่าตัดอื่น, การใช้ร่วม, ผลต่อการลด opioid/คุณภาพฟื้นตัว/ความปลอดภัยระยะยาว)

จุดปฏิบัติ/ความปลอดภัย

  • เลี่ยง สูตรผสม opioid + APAP/NSAID สั่ง แยก เพื่อลด opioid และคุมขนาด non-opioid
  • จำกัดระยะเวลา: APAP/NSAID โดยทั่วไป < 2 สัปดาห์ หลังจำหน่าย (สั้นกว่านั้นถ้าปวดน้อย/สูงอายุ/ไตเสื่อม)
  • กลุ่มเสี่ยงกดหายใจ (OSA, ใช้ opioid ร่วม, สูงอายุ): ระวัง gabapentinoids/ketamine/dexmedetomidine; พิจารณา monitoring
  • ประเมิน pain & function (เช่น DVPRS/BPI/PROMIS) ไม่ใช่คะแนนปวดอย่างเดียว; ทบทวนผลข้างเคียงและ ปรับลงก่อนเพิ่ม opioid

โครงร่างชุดสั่งยา

  • พื้นฐานทุกคน (ถ้าไม่ข้อห้าม):
    • Acetaminophen 1 g PO q6h (ปรับตามตับ/น้ำหนัก)
    • COX-2 หรือ NSAID nonselective ตามโปรไฟล์ผู้ป่วย (เช่น celecoxib 200 mg PO q12–24h หรือ ibuprofen 600 mg PO q6–8h)
  • เพิ่มตามความเสี่ยง/ความรุนแรง:
    • Pregabalin 75 mg PO q12h (งด/ลดใน > 75 ปี/ไตเสื่อม) หรือ Gabapentin 300–600 mg PO q8h
    • ถ้าไม่ได้ epidural/cont. block และคาดปวดมาก: IV lidocaine ตาม IBW (bolus 1–1.5 mg/kg 1.5–2 mg/kg/h < 24 ชม.)
    • ผู้ป่วย opioid-tolerant/OUD/OSA หรือคาดปวดมาก: Ketamine bolus 0.25–0.5 mg/kg 0.1–0.5 mg/kg/h (ถ้ามีข้อจำกัดให้เฉพาะ intraop/bolus PACU)
    • Dexamethasone 8–10 mg IV intraop (เลี่ยง DM คุมไม่ดี)
  • ออกจาก รพ.: คง APAP ± NSAID ชั่วคราว, แผน taper opioid ชัดเจน (ถ้ามี), ให้คำแนะนำเก็บ/ทิ้งยา

 


การใช้ opioid ใน acute pain

กรณีปวดปานกลาง

  • APAP + NSAID ต่อเนื่อง
  • พิจารณา regional (single-shot/continuous)
  • หากยังไม่พอ: สั่ง IR opioid ระยะสั้น 3 วัน (ด้านล่าง)

ปวดรุนแรง

  • APAP + NSAID + regional เมื่อเป็นไปได้
  • มักต้อง IR opioid (เลี่ยง ER/LA) < 7 วัน; นัดติดตาม/รีฟิลแทนการให้เผื่อยาว

การใช้ Opioid อย่างปลอดภัย (เมื่อจำเป็น)

หลักใหญ่: ประเมินประโยชน์-ความเสี่ยง, ใช้ ขนาดต่ำสุด/ระยะสั้นสุด, IR เท่านั้น, หลีกเลี่ยงร่วม benzodiazepine

เลือกยา (ผู้ป่วยนอก)

  • Oxycodone IR 5 mg, Hydromorphone 2 mg, Morphine IR 7.5–15 mg
  • Hydrocodone มีเฉพาะ ผสม APAP/ibuprofen ในสหรัฐฯ อาจจำกัดการไตเตรท non-opioid; หลายกรณี ควรเลือก opioid เดี่ยวตัวยา
  • หลีกเลี่ยง Codeine/Tramadol เป็นตัวแรก (เมแทบอลิซึมแปรปรวน/ประสิทธิผลไม่แน่นอน/อุบัติการณ์อาการไม่พึงประสงค์)

ขนาด/จำนวนเม็ดแนะนำ (ผู้ใหญ่ opioid-naïve)

  • ปวดปานกลาง (ส่วนใหญ่ 3 วันพอ)
    • Oxycodone 5 mg 1 เม็ด q3–4h PRN 12 เม็ด รวม
    • หรือ Hydromorphone 2 mg 12 เม็ด / Morphine IR 7.5 mg 6 เม็ด (หักครึ่งเม็ดได้)
  • ปวดรุนแรง (สูงสุด 7 วัน; ถ้านัดติดตามเร็วกว่านั้น ให้ถึงวันนัด)
    • Oxycodone 5 mg หรือ Hydromorphone 2 mg: โดยเฉลี่ย 4–6 เม็ด/วัน พร้อมแผน taper ชัดเจน
    • Morphine IR 15 mg: ½–1 เม็ด q3–4h PRN (คำนวณจำนวนตามแผน taper)

คำเตือน MME: ตัวคูณแปลงขนาด ไม่สอดคล้องกัน ระหว่างแหล่งอ้างอิง—ใช้เพื่อ “กะคร่าว ๆ” เท่านั้น และเริ่มต่ำ-ไต่ช้า

ร่วมให้คำแนะนำ Naloxone

  • อภิปรายทุกครั้งที่สั่ง opioid; ร่วมจ่าย หากร่วมใช้กดประสาท/ประวัติเสี่ยง/มีเด็กเล็กในบ้าน เป็นต้น (สหรัฐฯ มีแบบ OTC)

คำแนะนำผู้ป่วย (ต้องให้เป็นลายลักษณ์อักษร/เข้าใจง่าย)

  • คาดหวังความปวด: จะสูงสุดในวันที่ 1–3 และควรดีขึ้นภายใน ~7 วัน
  • วิธีใช้ยา: ใช้ APAP/NSAID ต่อเนื่อง, ใช้ opioid เฉพาะเมื่อ non-opioid เอาไม่อยู่
  • Taper opioid เร็ว: เช่น วัน 1–3 q6h วัน 4 q8h วัน 5 q12h วัน 6 วันละครั้ง หยุด
  • ป้องกันท้องผูก: พิจารณา senna ± PEG หากได้ opioid > 2–3 วัน หรือมีความเสี่ยง
  • หลีกเลี่ยง แอลกอฮอล์/BZD/ยาง่วง, ห้ามขับรถเมื่อมึนงง
  • เก็บ-ทิ้งอย่างปลอดภัย: เก็บให้พ้นมือเด็ก/ผู้อื่น; ใช้จุดรับคืน/ซองส่งไปรษณีย์; ทางเลือกคือผสมสิ่งสกปรกปิดฝาทิ้ง/กดชักโครกตามแนวทางท้องถิ่น

การติดตาม/ปรับแผน

  • ประเมินทั้ง คะแนนปวดและการทำหน้าที่; ทบทวน อาการไม่พึงประสงค์
  • ปวดไม่ดีขึ้น: อย่าเพิ่ม opioid อัตโนมัติ เพิ่ม non-pharm, ปรับ non-opioid, ส่งกายภาพบำบัด, ตรวจซ้ำหาภาวะแทรกซ้อน/ถอนยา
  • วางแผน หยุดยาเป็นลำดับ (คง non-opioid ระหว่างลด opioid)

 

 

การดูแล acute pain ใน chronic opioid use (> 90 วัน)


เป้าหมาย

  • บรรเทาปวดอย่างพอเพียง, ป้องกัน withdrawal, ลดโอกาส OUD/overdose และหลีกเลี่ยง “dose creep” หลังเหตุการณ์ปวด

ความท้าทายสำคัญ

  • จิตสังคม: อคติ/ตราหน้า “drug seeker”, ประเมิน OUD ผิดพลาด ใช้เกณฑ์ที่เป็นระบบ
  • ชีววิทยา: tolerance, central sensitization, opioid-induced hyperalgesia (OIH) ทำให้ต้องการยามาก/ปวดควบคุมยาก

การประเมิน

  • ระบุ สาเหตุปวดเฉียบพลัน (กำเริบของโรคเดิม/สาเหตุใหม่/ภาวะติดเชื้อ/มะเร็ง/จิตสังคม)
  • บันทึก baseline pain และ baseline opioid regimen อย่างแม่นยำ (รวม total daily dose)
  • ตรวจ PDMP (ถ้ามี), ทบทวนยาทั้งหมด (โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มี acetaminophen แฝง)
  • คัดกรอง OUD อย่างเป็นระบบ; ถ้าสงสัย ให้พิจารณาเริ่มการรักษา OUD ควบคู่

หลักการวางแผนรักษา

  • Multimodal, opioid-sparing เป็นฐาน: non-pharm (พัก/ยกสูง/ประคบ/CBT/ผ่อนคลาย), APAP + NSAID, regional anesthesia เมื่อทำได้
  • ตกลงแผนล่วงหน้า กับผู้ป่วย: หากต้องเติม opioid ให้เป็น ชั่วคราว และ กลับสู่ baseline ตามคาดหมายการหาย
  • Pre-op taper: หลักฐานยังจำกัด—พิจารณาเป็นรายกรณี

ควรให้ baseline opioid

  • ให้ต่อ baseline opioid เพื่อกัน withdrawal (ถ้ากินไม่ได้ ให้แปลงเป็น IV equivalent)
  • ระวังในผู้ป่วย hemodynamic ไม่เสถียร; เฝ้าระวังภาวะกดหายใจโดยเฉพาะหากเดิม “ไม่กินครบ” ที่บ้าน

กลยุทธ์ตามความรุนแรงที่ “คาด”

  • ปวดเล็กน้อย (1–2 วัน): APAP/NSAID ± topical; ไม่ควรต้องเติม opioid นอกเหนือ baseline
  • ปวดปานกลาง (3–5 วัน): APAP/NSAID + พิจารณา block; มักต้อง IR opioid เสริม (ดูสูตรข้างล่าง); พิจารณา admit ถ้า test dose ไม่เอาอยู่/กลับมาซ้ำ/กลัวควบคุมปวดไม่ได้/ประวัติคุมปวดยาก
  • ปวดรุนแรง (5–7 วัน): regional (ถ้าได้) + parenteral opioid ใน รพ. ค่อยไล่ลงเป็น PO; opioid-tolerant มักต้อง block เข้มกว่า

การเติม opioid (IR) กรณี chronic opioid

ห้ามใช้ mixed agonist–antagonist (เช่น nalbuphine/butorphanol) เสี่ยง precipitated withdrawal

แนวทางปฏิบัติ (PO):

1.       คง baseline regimen เดิม

2.       เติม IR ตามชนิดที่ใช้เดิม (ถ้าเป็นไปได้) แล้ว ไต่ขนาดเร็วตามอาการ

o   ถ้าเดิมใช้ short-acting: เริ่มที่ 150% ของ “ขนาดต่อครั้งเดิม” (เช่น oxycodone 10 mg q4h เดิม 15 mg q4h PRN)

o   ถ้าเดิมมีแต่ long-acting: เติม IR 10% ของ total daily dose q4h (เช่น ER morphine 60 mg/วัน IR morphine ~6–12 mg q4h)

3.       ประเมินซ้ำบ่อย; ถ้ายังปวด (ไม่มีง่วง/กดหายใจ) ให้ ให้ซ้ำใน 1 ชม. ได้

4.       สื่อสารกับ “ผู้สั่งโอปิออยด์ประจำ” ตั้งแต่ต้น วางแผน ระยะเวลา + taper ร่วมกัน

5.       กำหนดระยะเวลา: ปกติ < 14 วัน ควรกลับสู่ baseline; ระยะสั้น < 5 วันมักไม่ต้อง taper


Parenteral opioid (รพ.)

  • คง baseline (แปลงเป็น IV ได้; ถ้าเปลี่ยนเป็นคนละตัวยา ลด ~25% เพื่อ cross-tolerance ไม่สมบูรณ์)
  • ควบคุมปวดเริ่มแรก (bolus IV): ให้ตามอาการทุก 20–30 นาที พร้อมเฝ้าระวังกดหายใจ/ความดัน
  • ดำเนินต่อ:
    • PCA เหมาะผู้กดปุ่มได้
    • ถ้าต้องมี basal infusion ให้เท่ากับ baseline IV ต่อชั่วโมง เท่านั้น
    • ขนาด bolus แรกของ PCA ½ ของขนาดต่อชั่วโมงแบบ basal, lockout ~10 นาที
  • หมายเหตุ conversion/MME: ตาราง/แอปแปลงขนาด ไม่สอดคล้องกัน และตอบสนองรายบุคคลต่างกันมาก ใช้เพื่อ “ชี้นำคร่าว ๆ” เท่านั้น เริ่มต่ำ-ไต่ช้า

การเปลี่ยนกลับเป็นยากิน (เมื่อรับประทานได้/ปวดนิ่ง)

1.       คำนวณ 24 ชม. IV ที่ใช้ “เหนือ baseline”

2.       ให้ 70% ของปริมาณนั้นเป็น IR PO แบบจัดเวลา q3–6h + คง baseline long-acting

3.       วันแรกคง PRN IV/PCA bolus ไว้เป็น rescue แล้วหยุด


การจำหน่าย/ติดตาม

  • ระบุระยะเวลา + แผน taper ชัดเจน (เป้าหมายกลับ baseline/ต่ำกว่า หากสาเหตุปวดสิ้นสุด)
  • สื่อสาร แผนทั้งหมดกับผู้สั่งโอปิออยด์ประจำ
  • ให้/แนะนำ Naloxone ทุกครั้งที่มีการสั่งโอปิออยด์เพิ่ม โดยเฉพาะร่วมยากดประสาท/มีเด็กในบ้าน/ปัจจัยเสี่ยง
  • ให้ความรู้ผู้ป่วย: คาดการณ์ trajectory, non-pharm, หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์/เบนโซ, ท้องผูกให้ laxative, เก็บ-ทิ้งยาอย่างปลอดภัย

“Flare plan” สำหรับโรคปวดเรื้อรัง

  • สอนผู้ป่วยรู้สัญญาณ flare ตั้งแต่ต้น และมี แผนส่วนบุคคล: non-pharm, ปรับกิจกรรม/กายภาพ, topical/NSAID/ยาคลายกล้ามเนื้อสั้น ๆ, การพยุงใจ/สนับสนุนสังคม; เลี่ยง เพิ่ม baseline long-acting หากไม่จำเป็น

 

One-page Quick Order (ย่อ)

  • พื้นฐาน: APAP + NSAID (ตามข้อห้าม) + non-pharm ± regional
  • เติม IR PO: ตามสูตร 150% (ถ้าเดิม SA) หรือ 10% TDD q4h (ถ้าเดิม LA เท่านั้น) titrate
  • รพ./ปวดรุนแรง: bolus IV titration PCA (demand ~½ basal/hr, lockout 10’)
  • กลับ PO: 70% ของ 24h IV เสริม IR PO จัดเวลา + คง baseline
  • ปลด opioid: taper เร็วตามอาการ; เป้าหมาย < 14 วันกลับ baseline
  • Naloxone: แนะนำ/จ่ายทุกครั้งที่เหมาะสม

 

การใช้ opioid ใน acute pain สำหรับผู้ป่วยใน (opioid-naïve)

บทบาทของโอปิออยด์ (ในบริบท multimodal/opioid-sparing)

  • ใช้ร่วมกับ non-opioid และเทคนิค regional/local; เริ่มเมื่อมาตรการเหล่านั้นไม่พอ
  • ตั้งเป้า ฟังก์ชันดีขึ้น (พัก/หลับได้ หายใจลึก ไอ ทำกายภาพ) มากกว่าเลข pain score
  • โอปิออยด์เป็นยา “เริ่มสุดท้าย–หยุดก่อน” และใช้ช่วงสั้นที่สุดเท่าที่จำเป็น

หลักคิดสำคัญ

  • เลือก IR/short-acting เพื่อตั้ง-ไต่-หยุดได้ง่าย (หลีกเลี่ยง ER/LA ใน opioid-naïve ส่วนใหญ่)
  • ปวดควรดีขึ้นใน “วันสัปดาห์แรก” ปริมาณโอปิออยด์ควรลดตาม
  • ให้ ความรู้ก่อนผ่าตัด/ก่อนให้ยา ว่าไม่จำเป็นต้อง “หายปวดเป็นศูนย์” และวางแผนหยุดยาไว้ล่วงหน้า

เภสัชจลนศาสตร์/การเลือกยา (ย่อ)

  • ตับ: ยาหลายชนิดผ่าน CYP3A4/2D6 เสี่ยง drug–drug interaction/ความแปรปรวนพันธุกรรม
  • ไต: หลีกเลี่ยง/ลดขนาด Morphine (M6G/M3G คั่ง)
  • หลีกเลี่ยง Codeine (pro-drug ไม่แน่นอน), หลีกเลี่ยง Meperidine (normeperidine ชัก)
  • Tramadol เสี่ยง serotonin syndrome/แปรปรวน CYP2D6; Tapentadol แพงกว่าแต่ไม่มี active metabolite
  • Hydromorphone: ไม่มี active metabolite (เลือกบ่อย), Oxycodone ใช้แพร่หลายแต่มี CYP interaction

ประเมิน/สั่งใช้

  • ให้ non-opioid ก่อนและต่อเนื่อง (acetaminophen + NSAID หากไม่ข้อห้าม) + มาตรการไม่ใช้ยา/regional
  • ใช้ สัญญาณเตือนการหายใจ/ระดับรู้สึกตัว กำกับการให้ยา: งดถ้า ง่วงมาก/กดหายใจ แม้คะแนนปวดสูง

ชนิด–ขนาดยาเริ่มต้น (PO, opioid-naïve; ปรับตามอายุ/ไต-ตับ/โรคร่วม)

  • Oxycodone IR 5–10 mg PO q3–4h PRN
  • Hydromorphone PO 2–4 mg q3–4h PRN
  • Morphine IR 7.5–15 mg q3–4h PRN (หลีกเลี่ยงไตเสื่อม; เม็ดต่ำสุด 15 mg อาจต้องหักครึ่ง)
  • Tramadol 50–100 mg q4–6h PRN (หลีกเลี่ยงถ้าใช้ SSRI/SNRI/MAOI)
  • Tapentadol 50–100 mg q4–6h PRN

หลีกเลี่ยง สูตรผสมกับ APAP/ibuprofenให้ยาต่างหากเพื่อคุมขนาด non-opioid ได้ดี

กำหนดให้แบบ PRN เป็นหลัก; พิจารณาให้เป็นเวลาเฉพาะรายที่สื่อสารยาก/ปวดรุนแรงช่วงสั้น ๆ


IV vs PO / PCA

  • ให้ PO แทน IV เมื่อทำได้: ประสิทธิภาพไม่ด้อยกว่า, ADRs น้อยกว่า, ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
  • ใช้ IV เมื่อจำเป็นต่อ titration/บรรเทาเร็ว เท่านั้น
  • PCA (ไม่มี basal infusion ใน opioid-naïve): เพิ่มความพึงพอใจ/คุมปวดเล็กน้อย แต่ใช้ opioid รวมมากขึ้นเล็กน้อย
    • ปรับตั้งจาก ประวัติการกดปุ่ม:
      • ได้ผลแต่ไม่พอช่วงปลาย lockout ลด lockout
      • ไม่ค่อยได้ผลต่อครั้ง เพิ่ม demand dose
  • Clinician bolus IV มีประโยชน์ระยะสั้น (เช่น คืนแรกหลังระงับความรู้สึกหมดฤทธิ์/มี PONV)

การเปลี่ยนเส้นทาง/หยุดยา

  • เปลี่ยน IVPO เร็วที่สุด: รวม opioid 24 ชม. ล่าสุด แปลงเทียบเป็น PO
  • ช่วงถอนจากโอปิออยด์: ลด รวม 20–30% ทุก 1–2 วัน พร้อมคง non-opioid; เป้าหมายหยุดภายใน 2–4 วันในเคสทั่วไป
  • ผู้ป่วยกลับบ้านพร้อมโอปิออยด์: ให้คำแนะนำ ตารางลดหยด-หยุด, การเก็บ-ทิ้งยา, และ ตัวเลือกนาล็อกโซน

ผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อน & การเฝ้าระวัง

  • พบบ่อย: ท้องผูก (สั่ง laxative/softener ติด), ง่วง, คลื่นไส้/อาเจียน, คัน, ปัสสาวะค้าง, เวียนศีรษะ
  • OIRD: เสี่ยงสูงช่วง 24 ชม.แรกหลังผ่าตัด
    • ปัจจัยเสี่ยง: อายุสูง, OSA, อ้วนมาก, เพศชาย, CHF, สูบบุหรี่, ได้ยากดประสาทอื่น, opioid-naïve
    • แนะนำมอนิเตอร์ต่อเนื่อง ในผู้ได้ parenteral opioid (pulse ox ± central telemetry; ถ้ามี O2 เสริมให้ capnography)
    • ผู้ป่วยอ้วนมาก/OSA แม้ได้ PO พิจารณาเฝ้าต่อเนื่องอย่างน้อย 24 ชม.
  • จัดการ ADR: เปลี่ยนชนิด/ลดขนาด/หยุดเมื่อทำได้; หลีกเลี่ยงเบนโซฯ/กาบาเพนทินอยด์ร่วมถ้าไม่จำเป็น

ยา/สถานการณ์เฉพาะ

  • Fentanyl transmucosal: ใช้เฉพาะกรณีจำกัด (เช่น เปลี่ยนผ้าก๊อซ), ข้อจำกัดตามนโยบายหน่วยงาน
  • Methadone: ครึ่งชีวิตแปรปรวน, QT prolongation/ปฏิกิริยาระหว่างยา — ใช้โดยผู้มีประสบการณ์, มักไม่ต่อหลังจำหน่าย
  • Buprenorphine (ขนาดต่ำเพื่อ analgesia): ผลใกล้เคียง opioid อื่น, pruritusน้อย; หลักฐานเพิ่มขึ้นแต่ยังจำกัด

“Quick order set” (ตัวอย่างใช้งานเร็ว)

1.       พื้นฐานทุกคน: APAP + NSAID (ถ้าไม่ข้อห้าม) + non-pharm/รีจิโอนัล

2.       เลือก IR PO หนึ่งชนิดตามโปรไฟล์ผู้ป่วย เริ่มขนาดตามข้างบน PRN q3–4h

3.       ถ้าปวดรุนแรง/ต้อง titration IV bolus สั้น ๆ แล้วพิจารณา PCA without basal

4.       งดให้ ถ้า RR ต่ำ/ง่วงซึมเด่น ประเมิน/แก้ ADR, เสริม non-opioid/บล็อกเส้นประสาท

5.       แผนหยุดยา: เปลี่ยนเป็น PO เร็ว, ลด 20–30% q1–2d, หยุดก่อนปวดเป็นศูนย์

เคล็ดลัด: แยกสั่ง โอปิออยด์เดี่ยว และ APAP/NSAID แบบ fixed scheduleคุมขนาดปลอดภัย/มีประสิทธิภาพกว่า “ยาผสม”

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น