วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568

Avian Influenza (ไข้หวัดนก)

Avian Influenza (ไข้หวัดนก)

บทนำ

ไข้หวัดนกเป็นโรคติดเชื้อไวรัส influenza ที่ติดต่อจากสัตว์ปีกหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางชนิดมาสู่คน โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5 และ H7 ที่ก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงและมีอัตราตายสูงในคน แม้การแพร่เชื้อจากคนสู่คนยังมีจำกัด แต่มีศักยภาพที่จะก่อการระบาดใหญ่ (pandemic) ได้


Virology

  • ไวรัสมี Hemagglutinin (H1–H18) และ Neuraminidase (N1–N11) หลายชนิด
  • ที่สำคัญในคน: H1, H2, H3 (ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล), ส่วน H5, H7, H9 มักพบจากสัตว์ปีก
  • การเกิดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ได้จาก

1.       Mutation เพิ่มความสามารถแพร่สู่คน

2.       Reassortment ผสมยีนจาก avian และ human influenza ใน host เช่นสุกร

3.       เกษตรกรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเลี้ยงสัตว์ปีกและสุกรใกล้คน ทำให้เสี่ยง reassortment


การแพร่เชื้อ

  • สัตว์ปีก คน: ผ่านการสัมผัสสัตว์ป่วย/ซากสัตว์/สิ่งคัดหลั่ง
    • H5N1: เสี่ยงสูงในผู้สัมผัสสัตว์ปีกป่วย/ตาย
    • H7N9: เกี่ยวข้องกับตลาดขายไก่เป็น (> 90% ของผู้ป่วยมีประวัติสัมผัสตลาดสัตว์)
  • โค คน: ตั้งแต่ปี 2024 พบ H5N1 ในโคนมสหรัฐฯ แพร่จากการรีดนม ตรวจกันได้ในน้ำนมดิบและพบการติดเชื้อข้ามสายพันธุ์ในแมว
  • สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น: สุกร แมว สุนัข มิงค์ สัตว์ทะเล (seal, sea lion) สามารถติดเชื้อและแพร่ต่อได้
  • คน คน:
    • H5N1: พบการแพร่จำกัดในครอบครัวและกรณี vertical transmission (ผ่านรก)
    • H7N9: เคยมี cluster เล็ก ๆ แต่ยังไม่มีหลักฐานแพร่ต่อเนื่อง
  • สิ่งแวดล้อม: น้ำปนเปื้อน มูลสัตว์ปีก ปุ๋ยที่ไม่ผ่านการบำบัด

ระบาดวิทยา H5N1

  • 1997: รายแรกในฮ่องกง, ตาย 33% ยุติหลัง culling
  • 2003–2020: ระบาดซ้ำในเอเชียและขยายไปยุโรป, แอฟริกา, ตะวันออกกลาง
  • 2021–2023: Clade 2.3.4.4b ระบาดในนกป่า/สัตว์เลี้ยงทั่วโลก พร้อม spillover เข้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
  • 2024: สหรัฐฯ พบการติดเชื้อในโคนมหลายรัฐ มีรายงานผู้ติดเชื้อ ~70 ราย, ส่วนใหญ่ตาอักเสบ/URI
  • 2025: รายงานเสียชีวิตครั้งแรกในสหรัฐฯ (Louisiana)

Seroprevalence:

  • ปี 2024 ตรวจคนทำงานฟาร์มโคนม มีหลักฐานติดเชื้อ 2–7% ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ
  • โดยทั่วไป การติดเชื้อแบบ subclinical มีน้อย แต่บางการศึกษา (เช่น อินโดนีเซีย 2014) พบสูงถึง 84% ในคนงานตลาดสัตว์

Antigenic drift:

  • ไวรัส H5N1 เปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมต่อเนื่อง
  • Clade สำคัญ: Clade 1 (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้), Clade 2 (จีน–อินโดนีเซีย–ตะวันออกกลาง–แอฟริกา), Clade 2.3.4.4b (ระบาดปัจจุบัน)

ระบาดวิทยา H7N9

  • 2013–2017: > 1560 รายในจีน, ส่วนมากจากตลาดสัตว์ปีก
  • 2017 เป็นต้นมา: รายงานลดลงมากหลังมาตรการ surveillance, ปิดตลาดสัตว์, vaccination
  • พบส่วนใหญ่ในจีน, รายงานเพิ่มเล็กน้อยในฮ่องกง, มาเก๊า, ไต้หวัน, มาเลเซีย, แคนาดา

สายพันธุ์อื่นที่ติดคนได้

  • H3N8 (จีน, 2022–2023) ตั้งแต่ URI จนถึง pneumonia รุนแรง
  • H5N2 (เม็กซิโก, 2024) ผู้ป่วย 59 ปี เสียชีวิต
  • H5N6 (จีน, 2014–ปัจจุบัน) ตั้งแต่ URI ถึง pneumonia ตายสูง
  • H7N7, H7N3, H7N2, H7N4 ส่วนใหญ่ conjunctivitis/respiratory illness ในคนงานฟาร์ม
  • H6N1 (ไต้หวัน, 2013) pneumonia
  • H9N2 (เอเชีย, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา) มักติดในเด็ก, อาการไม่รุนแรง แต่เป็น “gene donor” ให้ H7N9
  • H10N8, H10N7, H10N5, H10N3 (จีน/เอเชีย) มีทั้ง mild URI และ pneumonia รุนแรง

 

Key Points สำหรับแพทย์

  • แหล่งเชื้อ: สัตว์ปีก (ตลาด, backyard), โคนม (US), สัตว์เลี้ยง/สัตว์ป่า
  • Clinical risk: ผู้สัมผัสสัตว์ปีกป่วย/ตาย, ทำงานในตลาดขายไก่, ทำงานฟาร์มโคนม, หรือทำงาน culling
  • การติดเชื้อ: ส่วนใหญ่รุนแรง (pneumonia, ARDS), แต่มีราย subclinical และ conjunctivitis
  • การแพร่ในคน: ยังจำกัด แต่ต้องเฝ้าระวัง reassortment pandemic risk
  • Prevention: PPE สำหรับผู้สัมผัสสัตว์ปีก/สัตว์, หลีกเลี่ยงตลาดสัตว์ปีก/นมดิบ, surveillance เข้มงวด

 


ระยะฟักตัว

  • โดยมาก 3–5 วัน (ยาวได้ถึง 7–10 วัน) สำหรับ H5N1/H7N9

สเปกตรัมทางคลินิก

  • ตั้งแต่ ไม่มีอาการ, conjunctivitis เดี่ยว ๆ, URI ไม่ซับซ้อน, ไปจนถึง pneumonitis/ARDS และ multiorgan failure
  • อาการพบบ่อย: ไข้, ไอ, หายใจลำบาก, เจ็บหน้าอก, ปวดเมื่อย, อาจมี ตาแดง/ขี้ตา, ปวดศีรษะ/อ่อนเพลีย, GI symptoms (ปวดท้อง อาเจียน ถ่ายเหลว)
  • ภาวะแทรกซ้อน: pneumonia, ARDS, respiratory failure, AKI, rhabdomyolysis, DIC, meningoencephalitis, และ bacterial/fungal coinfection

H5N1 (ภาพรวมสำคัญ)

  • ตั้งแต่ mild life-threatening
  • เด็กและวัยหนุ่มสาวพบมากในคลื่นระบาดก่อน ๆ; อัตราตายสูง
  • Asymptomatic โดยรวมพบน้อย แต่มีรายงาน seropositivity ในกลุ่มเสี่ยงบางอาชีพ
  • Mild illness (ปี 2024 US series): ส่วนใหญ่ conjunctivitis; ไข้/URI เล็กน้อย หายเองได้
  • Severe illness: หอบเหนื่อย, AMS/seizure, bilateral pneumonia, เสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเมื่อมาโรงพยาบาลช้า
  • ตัวทำนายรุนแรง/เสียชีวิต: neutropenia, ALT สูง, diffuse GGO บนภาพถ่ายทรวงอก
  • ห้องปฏิบัติการ: leukopenia/neutropenia/lymphopenia, thrombocytopenia, AST > ALT, LDH/CK, hypoalbuminemia
  • ภาพรังสีทรวงอก/CT: multifocal/patchy/interstitial infiltrates หรือ segmental/lobar consolidation; pleural effusion พบไม่บ่อย; ก้าวหน้าเป็น bilateral GGO RF/ARDS
  • ความแตกต่างด้านความรุนแรงสัมพันธ์กับ clade/genotype, route/inoculum, การเริ่ม oseltamivir เร็ว, และ ภูมิคุ้มกัน N1 เดิมจาก H1N1pdm09

H7N9

  • อาการ: ไข้, ไอ, หายใจลำบาก, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อย, อ่อนเพลีย; อาจมี เสมหะ/ถ่ายเหลว/อาเจียน
  • Severe disease: pneumonia fulminant, ARDS (พบบ่อย), shock, AKI, rhabdomyolysis, DIC, encephalopathy
  • ซีรีส์ขนาดใหญ่: ผู้ป่วย ICU สูง, อัตราตายเด่น; co-morbidity เป็นตัวทำนาย moderate–severe ARDS
  • Mild/moderate มีได้ โดยเฉพาะ อายุน้อย ตรวจพบจาก sentinel ILI
  • Lab: lymphopenia (พบบ่อย), thrombocytopenia; AST/ALT/LDH/CK/CRP
  • ภาพรังสี/CT: multilobar patchy consolidation + diffuse GGO; อาจเห็น air bronchogram, septal thickening, centrilobular nodules, reticular/cystic change, bronchial dilation, subpleural lines

สายพันธุ์อื่น (สรุปชี้เป้า)

  • H7N7/H7N3: ชอบ conjunctiva conjunctivitis เด่นในผู้ทำงานฟาร์ม/คอนแทคสิ่งปนเปื้อน
  • H9N2: มักเป็น mild URI ในเด็ก
  • H3N8, H5N6, H10Nx (N3/N5/N7/N8): ตั้งแต่ URI เล็กน้อย ถึง pneumonia รุนแรง/เสียชีวิต; ประวัติสัมผัสสัตว์ปีก/ตลาดสัตว์บ่อย

การวินิจฉัย (Diagnosis)

นิยามผู้ป่วย (CDC ย่อ)

  • Confirmed: lab-confirmed avian influenza A
  • Suspected/Case under investigation: ตรง clinical + epidemiologic criteria, ผลยืนยันยังไม่ออก
  • Probable: ตรง clinical + epidemiologic, ผลตรวจมีแต่ไม่ละเอียดพอจะยืนยัน

Whom to test (เมื่อใดควรสงสัย/ส่งตรวจ)

สงสัยสูงและเริ่มรักษาทันที เมื่อมี clinical criteria + epidemiologic criteria ต่อไปนี้

Clinical criteria (อย่างใดอย่างหนึ่ง)

  • Mild flu-like illness: ไอ เจ็บคอ ไข้/ไข้สั่น น้ำมูก อ่อนล้า ปวดกล้าม/ข้อ ปวดศีรษะ หรือ conjunctivitis เดี่ยว ๆ
  • Moderate–severe: หายใจลำบาก/หอบ, AMS, ชัก
  • ภาวะแทรกซ้อน: pneumonia, RF/ARDS, multiorgan failure, meningoencephalitis

Epidemiologic criteria (อย่างใดอย่างหนึ่ง ภายใน 10 วันก่อนป่วย)

  • สัมผัสใกล้ชิดโดยไม่ป้องกัน (< 2 ม.) กับ นก/สัตว์ป่วยหรือตาย (รวมโคนมในพื้นที่ระบาด H5), สัมผัส วัตถุปนเปื้อน/มูล/น้ำนมดิบ/ผลิตภัณฑ์ดิบ, การ เชือด/ถอนขน/ชำแหละ/คุลลิง/เตรียมอาหารดิบ, หรือเยี่ยม live poultry market ที่มีการยืนยันเชื้อ
  • สัมผัสผู้ติดเชื้อ (confirmed/suspected/probable) โดยไม่ป้องกัน
  • สัมผัสสารคัดหลั่งผู้ติดเชื้อ โดยไม่ป้องกัน (ตั้งแต่ 1 วันก่อนเริ่มอาการจนหาย)

ข้อปฏิบัติทันที: เริ่ม empiric antiviral และจัด infection control ระดับ airborne + contact + eye protection ใน AIIR (negative pressure) หากนอนโรงพยาบาล

อัลกอริทึมตรวจวินิจฉัย (แนะนำเชิงปฏิบัติ)

1.       ทุกรายที่นอน รพ. และสงสัย influenza ตรวจ seasonal influenza A ด้วย NAAT/RT-PCR ที่มีพร้อม ทันที

2.       ถ้าผล Influenza A positive แต่ไม่ระบุ subtype ขอ subtyping ภายใน 24 ชม.

o   ถ้าในพื้นที่ไม่มี ส่ง ห้องปฏิบัติการอ้างอิง/สาธารณสุข/CDC

3.       ทดสอบ avian influenza ด้วย rRT-PCR บน respiratory specimens (จำแนก H1/H3 vs avian subtypes ได้)

o   ผลลบครั้งแรกไม่ตัดโรค หากดัชนีสงสัยสูง ทำซ้ำ

4.       อย่าใช้ rapid antigen เป็นตัวหลักในผู้สงสัย avian influenza (ไวต่อ/จำเพาะต่ำ, แยก seasonal/avian ไม่ได้)

5.       ไม่แนะนำ viral culture ในผู้สงสัย avian influenza

ตัวอย่างและการเก็บสิ่งส่งตรวจ

  • Upper RT (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรวมกันในขวดเดียว):
    Nasopharyngeal swab (แนะนำ), nasal aspirate/wash, combined nasal/NP + OP swab
  • Lower RT: ถ้ามี LRT involvement ET aspirate หรือ BAL
  • Conjunctival swab: หากมี conjunctivitis เก็บ เพิ่ม ร่วมกับ NP swab
  • อุปกรณ์: ไม้ swab synthetic tip (polyester/Dacron) ก้าน พลาสติก/อะลูมิเนียม; หลีกเลี่ยง cotton/calcium alginate
  • ใส่ viral transport medium ส่ง ทันทีบน ice หรือ แช่ 70°C แล้วส่ง dry ice
  • Biosafety: แจ้งห้องแล็บล่วงหน้า ให้ประมวลผลตามมาตรฐาน BSL-3 และแนวทางท้องถิ่น/CDC

การทดสอบอื่น

  • Serology: ไม่เหมาะสำหรับการวินิจฉัยเฉียบพลัน; ใช้เพื่อ epi/surveillance/retrospective (ต้อง > 4-fold rise ระหว่าง acute vs > 14 วัน)
  • RADTs/antigen: ไม่แนะนำในผู้สงสัย avian influenza
  • Viral culture: ไม่แนะนำ

ระหว่างรอผลตรวจ

  • Infection control: ตามแนวทาง airborne/contact/eye protection (AIIR ถ้า admit)
  • ผู้ป่วยนอก: แยกกักที่บ้าน หลีกเลี่ยงสมาชิกครอบครัว/ที่ทำงาน/โรงเรียน จนรู้ผล และทำตามคำแนะนำสาธารณสุข
  • Empiric antiviral: ให้ทันทีใน suspected/probable (ดูแนวทางการรักษา)

Differential Diagnosis (โรคที่ต้องแยก)

  • Seasonal influenza (A/H1,H3; B)ไข้ ไอ ปวดเมื่อยเริ่มฉับพลัน; วินิจฉัยด้วย NAAT
  • COVID-19 (SARS-CoV-2)อาการทับซ้อนกับ influenza; วินิจฉัยด้วย NAAT/antigen; co-infection เป็นไปได้
  • RSVเด็ก/ผู้สูงอายุ/ภูมิคุ้มกันบกพร่อง; วินิจฉัยด้วย PCR
  • Common cold (rhinovirus/parainfluenza/coronavirus อื่น ๆ) – อาการเบา/คัดจมูกเด่น; ภาวะแทรกซ้อนน้อย
  • MERS-CoV – travel/epidemiology สอดคล้อง; วินิจฉัย NAAT
  • Bacterial pneumoniaปอดบวมปฐมภูมิหรือซ้อนทับ influenza; ประเมินตามแนวทาง CAP

 

จุดเน้นเชิงปฏิบัติสำหรับห้องฉุกเฉิน/วอร์ด

  • ซักประวัติ สัมผัสสัตว์ปีก/โคนม/ผลิตภัณฑ์ดิบ/ตลาดสัตว์ อย่างเป็นระบบในทุก ILI/pneumonia ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง
  • เริ่ม PPE ครบชุด + แยกกัก ก่อนรู้ผล
  • สั่ง rRT-PCR + subtyping เร็ว และ เก็บ conjunctival swab ถ้ามี ตาแดง
  • เริ่ม oseltamivir โดยไม่รอผล หากเข้าเกณฑ์ epi + clinical
  • เฝ้าระวัง lymphopenia/thrombocytopenia, AST > ALT, CK/LDH สูง และ ภาพ GGO สองข้าง ชี้ภาวะรุนแรง/ARDS
  • ประเมิน coinfection (แบคทีเรีย/เชื้อรา) เมื่อไม่ตอบสนองหรือ marker บ่งชี้

 

การรักษา (Treatment)

เวลาเริ่มยา

  • เริ่ม เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แม้เกิน 48 ชม. หลังเริ่มอาการก็ยัง มีประโยชน์ โดยเฉพาะผู้เสี่ยงสูง

ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล

  • ยาหลัก (NAI): Oseltamivir PO (ขนาดมาตรฐานสำหรับผู้ใหญ่ 75 mg bid; เด็กตามน้ำหนัก/แนวทางปัจจุบัน)
    • ระยะเวลา: พิจารณา นาน 10 วัน ในรายรุนแรง/ไวรัสขับนาน โดยติดตามอาการและ RT-PCR ตัวอย่างทางเดินหายใจส่วนล่าง
    • ไม่แนะนำเพิ่มขนาดยา (ไม่มีหลักฐานได้ประโยชน์เพิ่ม)
    • ไม่พบประโยชน์ชัดเจนของ combination therapy ต่อ outcome; อย่างไรก็ดี ในรายรุนแรง NAI + baloxavir อาจลดระยะเวลา shedding/การเกิดดื้อยาได้ (พิจารณาเฉพาะราย)
  • ทางเลือกเมื่อกินไม่ได้/ดูดซึมไม่ได้
    • Peramivir IV: ผู้ใหญ่ 600 mg IV วันละครั้ง > 5 วัน (ใช้แบบ “คอร์ส” ไม่ใช่ single doseในรายรุนแรง)
    • Zanamivir IV (มีใน UK/EU): 600 mg IV bid 5–10 วัน (ยืดได้ตามความจำเป็น)
    • Zanamivir inhaled ไม่เหมาะ สำหรับโรครุนแรง

ผู้ป่วยนอก (อาการไม่ซับซ้อน)

  • Oseltamivir PO 75 mg bid x 5 วัน (ให้ได้ ไม่ว่าพ้น 48 ชม.หรือไม่)
  • ทางเลือก (เหมาะถ้ามาภายใน 48 ชม. และไม่มีข้อห้าม)
    • Zanamivir inhaled: > 7 ปี 10 mg (2 พัฟ) bid x 5 วัน (ห้ามใช้ใน asthma/COPD)
    • Peramivir IV: > 13 ปี 600 mg IV single dose (เด็ก 6 เดือน–12 ปี: 12 mg/kg max 600 mg)
    • Baloxavir PO: > 12 ปี 40–80 kg: 40 mg single dose; > 80 kg: 80 mg single dose

ดื้อยาต้านไวรัส (Antiviral resistance)

  • สงสัยเมื่อ อาการทางเดินหายใจล่างทรุดลง ระหว่างใช้ oseltamivir/peramivir
  • กลไกดื้อที่พบบ่อย: NA H275Y (H5N1), R292K (H7N9) ดื้อ oseltamivir ชัดเจน; sensitivities ต่อ peramivir/zanamivir ต่างกันตามการกลายพันธุ์
  • แนวทางเมื่อสงสัย/ยืนยันดื้อ:
    • พิจารณา Zanamivir IV (ถ้ามี) เป็นหลัก; Baloxavir เป็นทางเลือก
    • ปรึกษา CDC Influenza Division (EOC) เพื่อส่งตรวจ resistance และรับคำแนะนำเพิ่มเติม
  • หมายเหตุ: เชื้อ H5N1 ที่พบในอเมริกาเหนือ โดยมากยังไว ต่อ NAIs, M2 inhibitors, baloxavir แต่ adamantanes (amantadine/rimantadine) ไม่แนะนำ ใช้รักษาเนื่องจากดื้อเกิดเร็วและแพร่ได้

หลักฐานประสิทธิผล (ย่อ)

  • Registry H5N1 (>300 ราย): oseltamivir ลดอัตราตาย มากสุดเมื่อเริ่มภายใน 48 ชม. แต่ยังมีประโยชน์ถึง วัน 6–8
  • H7N9 (160 ราย): เริ่ม NAI ภายใน < 2 วัน ตายน้อยกว่า เริ่มช้ากว่า

ควรหลีกเลี่ยง

  • Glucocorticoids (หากไม่มีข้อบ่งชี้อื่น): เพิ่มอัตราตาย/ยืด shedding จากข้อมูลเชิงสังเกต
  • Viral culture ในผู้สงสัย avian influenza (ไม่จำเป็น/เสี่ยง)

การป้องกัน (Prevention)

Infection control (สถานพยาบาล)

  • แยกกัก AIIR (negative pressure) + มาตรฐาน/สัมผัส/อากาศ (N95) + ป้องกันตา
  • อบรม PPE และ hand hygiene เข้ม

ผู้ทำงานสัมผัสสัตว์ปีก/ปศุสัตว์/ผู้ควบคุมโรค

  • PPE ครบ: ถุงมือ/กาวน์/N95/ที่ป้องกันตา + ล้างมือบ่อย
  • หลีกเลี่ยงสัมผัส ซากสัตว์/มูล/น้ำนมดิบ/วัสดุปนเปื้อน
  • ฝ่ายปศุสัตว์: surveillance, quarantine, depopulation/culling, สุขาภิบาลตลาดสัตว์ (ลดขนาดตลาด, แยกชนิด, ทำความสะอาดสม่ำเสมอ); พิจารณา วัคซีนในสัตว์ปีก

ประชาชนทั่วไป

  • หลีกเลี่ยงเข้าใกล้สัตว์ป่วย/ตายหรือพื้นผิวปนเปื้อน หากไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน
  • ห้าม บริโภคเนื้อสัตว์/ไข่/นม ดิบหรือไม่สุก โดยเฉพาะ น้ำนมดิบ; แช่เย็น/แช่แข็ง ไม่กำจัดไวรัส ต้อง ปรุงสุกทั่วถึง

Post-Exposure Prophylaxis; PEP

ใครควรได้รับ PEP

ให้ในผู้ ไม่มีอาการ ที่มี สัมผัสใกล้ชิดโดยไม่ป้องกัน กับ:

1.       ผู้ป่วย avian influenza (confirmed/probable/suspected)

2.       สารคัดหลั่ง ของผู้ป่วยในช่วงติดเชื้อ

3.       สัตว์ป่วย/ตาย (สัตว์ปีก/นกน้ำ/โคนม/สัตว์อื่นที่เกี่ยวข้อง) หรือ วัสดุปนเปื้อน/อาหารดิบ/น้ำนมดิบ ภายใน 10 วัน ที่ผ่านมา

หากไม่แน่ใจ ให้ชั่งน้ำหนักความเสี่ยงโดยเฉพาะใน กลุ่มเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน (ตารางปัจจัยเสี่ยงทั่วไป)

เวลาเริ่มและระยะเวลา

  • เริ่ม เร็วที่สุด (ภายใน 48 ชม.) หลังสัมผัส
  • Oseltamivir (ผู้ใหญ่ 75 mg bid) ใช้ ขนาดแบบรักษา เพื่อกดการเกิดดื้อ
    • สัมผัสจำกัดเวลา: 5 วัน จากวันสัมผัสครั้งสุดท้าย
    • สัมผัสต่อเนื่อง (เช่น ในบ้าน): 10 วัน

ทางเลือก: Zanamivir inhaled 10 mg (2 พัฟ) bidหลีกเลี่ยงใน asthma/COPD

การติดตาม 10 วันหลังสัมผัส

  • วัดไข้/อาการทางเดินหายใจ ทุกวัน
  • ถ้าเริ่มมี ไข้ > 38°C หรือ อาการทางเดินหายใจ ส่งตรวจทันที + เริ่มมาตรการควบคุมการติดเชื้อ

หากมีอาการระหว่างกำลังทำ PEP

  • ได้ oseltamivir > 3 วัน ก่อนเริ่มอาการ หยุด oseltamivir และ สลับเป็น zanamivir inhaled หรือ baloxavir (เพื่อลดโอกาสดื้อ NAI เดิม)
  • ได้ oseltamivir < 3 วัน ก่อนเริ่มอาการ รักษาด้วย oseltamivir x 5 วัน (นับวันเริ่มใหม่จากวันมีอาการ)

 

จุดปฏิบัติสำคัญแบบ “พกติดกระเป๋า”

  • สงสัยเชื้อเมื่อมี ILI/ปอดอักเสบ + ประวัติสัมผัสสัตว์/ผลิตภัณฑ์ดิบ/ตลาดสัตว์/โคนม เริ่มยา + กักกัน + เก็บตัวอย่าง ทันที
  • Oseltamivir คือ first-line ทั้งผู้ป่วยนอกและใน (รุนแรงคิดถึง 10 วัน)
  • รายรุนแรง/ภูมิคุ้มกันบกพร่อง: ไวรัสขับนาน ยืดระยะรักษา/เก็บ LRT specimen เพื่อติดตาม
  • สงสัย ดื้อ NAI เมื่ออาการทรุดบนยา zanamivir IV (ถ้ามี) หรือ baloxavir + ส่งตรวจ resistance/ปรึกษาศูนย์เชี่ยวชาญ
  • หลีกเลี่ยงสเตียรอยด์ (ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้อื่น) และ ไม่ใช้ adamantanes รักษา
  • PEP: ให้ oseltamivir bid 5–10 วัน หลังสัมผัสโดยไม่ป้องกัน เริ่มให้ไวที่สุด

 


วัคซีนไข้หวัดนก (Avian influenza vaccines)

จุดตั้งต้น

  • แยก วัคซีนเฉพาะช่วงแพร่ระบาด (pandemic-specific) ออกกับ วัคซีนก่อนเกิดการระบาด (pre-pandemic)
    • Pre-pandemic: อนุญาตไว้ล่วงหน้า (ยังไม่จำหน่ายทั่วไป) เพื่อ “เสียบสายพันธุ์” ที่เกิดจริงได้เร็วเมื่อมีการประกาศระบาด
    • Pandemic-specific: พัฒนาหลังทราบสายพันธุ์ตัวการแล้ว

วัคซีนที่ได้รับอนุญาต (pre-pandemic; สรุปแก่น)

  • สหรัฐ/สหภาพยุโรปมีหลายรายการที่ ดัดแปลงเป็น pandemic vaccine ได้ หากประกาศระบาด (ดูตารางอ้างอิงในต้นฉบับ)
  • แนวโน้มหลัก: วัคซีน adjuvanted (โดยเฉพาะ AS03, MF59) ให้ภูมิได้ดีกว่า non-adjuvanted และช่วย ประหยัดปริมาณแอนติเจน

ความท้าทาย & แนวทางพัฒนา

  • ความหลากหลายทางแอนติเจน (หลาย clade/subclade) เลือกสายพันธุ์ทำวัคซีนยาก แนวคิด prime-boost ข้ามสายพันธุ์ และ universal vaccine
  • แอนติเจน H5/H7 กระตุ้นภูมิคุ้มกันไม่แรง มักต้องหลายเข็ม; adjuvant หรือ live-attenuated ช่วยเพิ่มภูมิและลดปริมาณแอนติเจน
  • มาตรฐานการทดสอบซีรอลอจีไม่สอดคล้องกัน ต้องการ มาตรฐานสากล เพื่อเปรียบเทียบผล/กำหนด correlate of protection
  • การผลิตพึ่งพาไข่ไก่ (HPAI อาจฆ่าไก่) เร่ง เทคโนโลยีทางเลือก: cell-based, recombinant/virosome, mRNA, adenoviral-vector, plant-based

แพลตฟอร์มวัคซีน (ที่กำลัง/พร้อมใช้งาน)

  • Inactivated egg-grown: whole-virion / split (subvirion)
  • Adjuvanted: MF59, AS03, อลูมิเนียม (Al(OH)/AlPO), virosome
  • Cell-culture derived (เช่น Vero cell, whole-virion)
  • Live-attenuated intranasal
  • mRNA (พัฒนารวดเร็ว, สร้าง humoral+cellular immunity)
  • Adenovirus-based
  • Plant-based recombinant

H5N1: ข้อมูลสำคัญตามวัย

ผู้ใหญ่

  • Non-adjuvanted subvirion (Sanofi 2007, 2 เข็มห่าง 1 เดือน): ภูมิคุ้มกัน ต่ำ ต้องขนาด HA สูง (90 µg) จึงผ่านเกณฑ์ >50%
  • Adjuvanted – AS03:
    • ขนาด ต่ำมาก (3.8–7.5 µg; บางการศึกษา 1.9 µg) + AS03 seroprotection สูง ภายหลัง 1–2 เข็ม และมี cross-clade neutralization
    • ตารางเร่งรัด (ฉีดห่าง 0–21 วัน/0–14 วัน/0–7 วัน/ฉีดวันเดียวสองโดส) ยังผ่านเกณฑ์ภูมิ
    • AEs: ปวดแขน, myalgia, headache, อ่อนเพลีย, บวมแดงเฉพาะที่
  • Adjuvanted – MF59 (เช่น Audenz/Aflunov/Foclivia):
    • MF59 + 15 µg ให้ seroprotection สูงกว่า non-adjuvanted 45 µg อย่างชัดเจน
    • อาจ แทรกในฤดูกาล เพื่อ prime ไว้ (แนวคิด pre-pandemic priming)
  • Whole-virion (Vero cell): ให้ cross-reactive antibodies ได้; primeboost ด้วยสายพันธุ์ต่าง clade ช่วยขยายความครอบคลุม
  • Live-attenuated intranasal: ในผู้ใหญ่ จำลองตัวได้น้อย/ภูมิพอประมาณ, แต่การ prime ด้วย live แล้ว boost ด้วย subunit ที่ต่างสายพันธุ์หลายปีถัดมา B-cell memory ตอบสนองสูง

เด็ก (6 เดือน–17 ปี)

  • ทั้ง alum/AS03/MF59/whole-virion มีข้อมูลความปลอดภัยดีโดยรวม
  • หลายสูตรให้ seroconversion/seroprotection สูง แม้ใช้ HA ขนาดต่ำ; AEs ส่วนใหญ่ ปวดแขน/ไข้ระดับต่ำ (สัดส่วนต่างกันตามอายุ/สูตร)

H7N9

  • ยังไม่มีวัคซีนพร้อมใช้ สำหรับมนุษย์; มีผู้สมัครวัคซีนหลายตัว (เช่น A/Anhui/1/2013, A/Shanghai/2/2013) อยู่ในขั้นทดลอง

การเตรียมความพร้อมระบาด (Pandemic preparedness)

สิ่งที่ “หน่วง” การเข้าถึงวัคซีน: กำลังการผลิต, โลจิสติกส์, ตาราง 2 เข็ม, ความพร้อมของ adjuvant, และขั้นตอนเติม-บรรจุ

ยุทธศาสตร์หลัก

  • Virus selection: เฝ้าระวัง/คัดเลือกสายพันธุ์ตัวแทน (candidate vaccine viruses) อย่างต่อเนื่อง
  • Stockpiling: เก็บสำรอง แอนติเจน H5 (เช่น H5N1/H5N8) และ adjuvant เหลว ล่วงหน้า (อาจ ไม่แมตช์ กับสายพันธุ์ระบาดจริงจากความหลากหลายของไวรัส)
  • Pre-pandemic vaccination เฉพาะกลุ่มเสี่ยง: ตัวอย่าง ฟินแลนด์ แนะนำวัคซีนเชื้อ H5N8-based (คาดป้องกัน clade 2.3.4.4b H5N1) แก่ผู้ใหญ่กลุ่มอาชีพเสี่ยง (ฟาร์มขนสัตว์, สัตว์ปีก, สัตวแพทย์, ห้องแล็บ)
  • Shelf-life antigen/adjuvant: ข้อมูลบ่งชี้ว่า antigen เก็บ 4–12 ปี และ adjuvant 7 ปี ยังให้ ภูมิ/ทนได้ ใกล้เคียงวัคซีนผลิตใหม่ เมื่อมาผสมใช้ภายหลัง

 

Practical takeaways สำหรับคลินิก/สาธารณสุข

1.       ถ้ามีประกาศระบาด (pandemic) ใช้ สายพันธุ์จริง เสียบใน เฟรมเวิร์ก pre-authorized เพื่อเร่งผลิต/อนุมัติ

2.       Pre-pandemic phase:

o   ให้ความสำคัญกับ กลุ่มเสี่ยงอาชีพ ตามนโยบายประเทศ (เช่น ฟาร์มสัตว์ปีก/ขนสัตว์, โคนม, ห้องแล็บ, เวทฯ)

o   เลือกสูตร adjuvanted (AS03/MF59) เป็นหลักเพื่อ ประหยัดแอนติเจน และ ครอบคลุมข้าม clade

o   พิจารณาแผน prime-boost (prime วันนี้, boost ต่าง clade ภายหลัง) เพื่อขยาย breadth

3.       การสื่อสารความคาดหวัง: วัคซีน H5/H7 อาจต้อง หลายเข็ม/มี AEs เฉพาะที่บ่อย, แต่มาตรการนี้สำคัญเพื่อ ลดการเจ็บป่วยรุนแรง/เพิ่มความพร้อมของระบบสาธารณสุข

4.       ควบคู่มาตรการอื่น: PPE, ควบคุมการติดเชื้อ, คัดกรอง/เฝ้าระวัง และ เคมีป้องกันหลังสัมผัส (oseltamivir) สำหรับเหตุการณ์เสี่ยง (อ้างตามแนวทาง CDC/EUI ล่าสุด)

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น