วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568

Genital Herpes (HSV-1/HSV-2)

Genital Herpes (HSV-1/HSV-2)

Key points

  • ทั้ง HSV-1 และ HSV-2 ก่อโรคที่อวัยวะสืบพันธุ์ได้; ส่วนใหญ่ของการเป็นซ้ำ = HSV-2
  • ผู้ป่วยจำนวนมาก ไม่ทราบว่าตนติดเชื้อ; การแพร่เชื้อจำนวนมากเกิดช่วง asymptomatic shedding
  • Perinatal transmission ก่อป่วยรุนแรงในทารก
  • HSV-2 genital ulcers เพิ่มความเสี่ยง ติด HIV อย่างมีนัยสำคัญ
  • HSV ทุกชนิดเข้าสู่ latency และ reactivation เป็นระยะ

ระบาดวิทยา (Epidemiology)

  • HSV-2 seroprevalence สหรัฐฯ อายุ 14–49 ปี 16%; สูงกว่าในสตรี, มีคู่นอนมาก, และบางกลุ่มเชื้อชาติ/ชาติพันธุ์
  • Genital HSV-1 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสตรีอายุน้อยและ MSM
  • ผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ไม่รู้ตัว (เช่น NYC: HSV-2 ~28% แต่ 88% ไม่รู้ผล)
  • การติด HSV-1 เดิม ไม่ได้ลดการได้มาซึ่ง HSV-2 และยัง เพิ่มความเป็นแบบไม่มีอาการ ของ HSV-2 ~3 เท่า

ประเภทการติดเชื้อ (Definitions)

  • Primary: ไม่มีแอนติบอดีต่อ HSV-1/2 มาก่อน
  • Nonprimary first episode: ติดชนิดหนึ่งโดยมีแอนติบอดีต่ออีกชนิดอยู่แล้ว
  • Recurrent: ชนิดไวรัสของรอยโรคตรงกับชนิดของแอนติบอดีเดิม

ทั้งหมดอาจ มีอาการ หรือ ไม่มีอาการ ก็ได้


การติดต่อ (Transmission)

  • เกิดได้เร็วในความสัมพันธ์ใหม่; median ความสัมพันธ์ ~3.5 เดือนก่อนถ่ายทอด, median ~40 ครั้งร่วมเพศก่อนติด
  • ถุงยางใช้ไม่สม่ำเสมอ ในกลุ่มศึกษาที่ติดใหม่
  • การบอกคู่ว่า “มีเริม” ยืดเวลา ก่อนการแพร่เชื้อ
  • แพร่ได้แม้ ไม่มีอาการ (subclinical shedding)

อาการทางคลินิก (Clinical features)

Primary (incubation ~4 วัน, 2–12 วัน)

  • แผลหลายตำแหน่งสองข้าง, เจ็บ, dysuria, ไข้/ปวดศีรษะ/ต่อมน้ำเหลืองโต
  • รอยโรค: vesicles 2–4 มม. pustules/erosions/ulcers (ขอบหยัก; umbilicated ได้)

Nonprimary

  • รอยโรค น้อยกว่า/อาการระบบน้อยกว่า primary

Recurrent

  • เบากว่า primary; ระยะรอยโรค ~10 วัน (เทียบ 19 วันใน primary)
  • ~50% มี prodrome (tingling/ปวดร้าวก้น–ขา–สะโพก); อาจแสดงแบบ atypical (fissures/irritation)

ภาวะแทรกซ้อนนอกอวัยวะเพศ (มักช่วง primary)

  • Aseptic meningitis (พบได้ตั้งแต่ 8–25% ในบางชุดข้อมูล)
  • Sacral radiculitis / Elsberg syndrome ปัสสาวะค้างชั่วคราว, ชา perineum, อ่อนแรงขา
  • Proctitis (เด่นใน MSM): สาเหตุพบบ่อยร่วมกับ GC/CT/ซิฟิลิส

ความถี่การเป็นซ้ำ (Recurrences)

  • หลัง HSV-2 primary: 89% มี recurrences ภายใน ~1 ปี; 38% > 6 ครั้ง, 20% >10 ครั้ง
  • HSV-2 เป็นซ้ำบ่อยกว่า HSV-1 อย่างมาก
  • ระยะ/ความรุนแรงของโรคครั้งแรก ทำนาย การเป็นซ้ำมากขึ้น
  • การให้ acyclovir ในตอนแรก ไม่ลด อัตราเป็นซ้ำระยะยาว

การขับไวรัส (Viral shedding)

  • เกิดได้แม้ไม่มีรอยโรค; HSV-2 ขับ ถี่และนานกว่า HSV-1
  • ผู้มีอาการขับบ่อยกว่าผู้ไม่เคยมีอาการ (เช่น 20% vs 10% ของวัน)
  • ความถี่ลดลงตามเวลา (เช่น >10 ปีเหลือ ~9% ของวัน) แต่ ปริมาณไวรัสต่อครั้งคงเดิม ยังเสี่ยงแพร่เชื้อ
  • ช่วง 3 เดือนแรกหลัง primary HSV-2 ขับไวรัสจากปากมดลูกบ่อยที่สุด

ความเสี่ยงต่อคู่นอน (Sex partners)

  • คู่รักต่างสถานะ (discordant) ที่ผู้ป่วยมี recurrent genital HSV: แพร่ 10%/ปี โดยรวม
  • ความเสี่ยงสูงกว่าเมื่อ แหล่งแพร่เป็นชาย (17% vs 4%)
  • ~70% ของการแพร่เกิดระหว่าง asymptomatic shedding
  • ผลของการมีแอนติบอดี HSV-1 เดิมต่อความเสี่ยงรับ HSV-2 ไม่สอดคล้อง กันในงานวิจัย

ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Immunosuppressed)

  • รอยโรค กว้าง/เรื้อรัง, เป็นซ้ำถี่, shedding นาน
  • ในสตรีติด HIV: เพาะ HSV-2 บวกบ่อย แม้ ไม่มีรอยโรคเห็นชัด; CD4 เพาะบวกถี่ขึ้น
  • อาจเกิด meningitis, sacral radiculopathy, transverse myelitis ได้

ความเชื่อมโยง HSV-2 HIV

  • HSV-2 เพิ่มความเสี่ยง ได้รับ HIV ~2–4 เท่า; การติดใหม่ไม่นานมานี้ เสี่ยงสูงสุด (HR ~3–4)
  • กลไก: แผลอักเสบทำลายเยื่อบุ, ดึงดูด CD4+ target cells, มี HIV ที่เพิ่มจำนวนได้ ในแผล

แยกโรค (DDx) ของแผลที่อวัยวะเพศ

  • Syphilis (chancre ไม่เจ็บ ขอบแข็ง), Chancroid (ขอบลึก หนอง เจ็บ + LAD เจ็บ)
  • Noninfectious: ยา/Behçet ฯลฯ

การวินิจฉัยจากลักษณะทางคลินิกเพียงอย่างเดียว คลาดเคลื่อนสูง ควรยืนยันด้วยแลบ


การวินิจฉัย (Diagnosis)

ลำดับที่แนะนำ

1.       มีรอยโรคอยู่ PCR จากแผล (ไว/จำแนกชนิดได้) เหนือกว่า culture

2.       ถ้าไม่มีรอยโรค/อาการ atypical Type-specific serology (gG1/gG2 IgG) ± PCR จากตำแหน่งที่สงสัย

3.       HSV IgM ไม่แนะนำ (ไม่จำแนกชนิด/ระยะ)

หมายเหตุสำคัญ

  • Culture ความไว ~50% และลดเร็วเมื่อแผลเริ่มหาย
  • DFA ใช้ได้แต่ด้อยกว่า PCR
  • Serology: บวก HSV-2 มักหมายถึง anogenital; HSV-1 แปลผลยากกว่า (อาจ orolabial)
  • ระยะแรกอาจ false negative ถ้าสงสัยติดใหม่ให้ ตรวจซ้ำที่ ~12 สัปดาห์
  • False positive HSV-2 พบได้เมื่อ index 1.1–3 ควร ยืนยัน (Biokit/Western blot) โดยเฉพาะรายความเสี่ยงต่ำ

การคัดกรอง (Screening)

  • ไม่แนะนำ คัดกรองเชิงรุกในผู้ใหญ่/วัยรุ่นที่ ไม่มีอาการ (ข้อจำกัดของความจำเพาะ, PPV ต่ำ, ผลกระทบทางจิตสังคม)
  • พิจารณา serology เพื่อประเมิน ความไวต่อการติด ในคู่ของผู้ป่วยที่ทราบว่ามีเริมอวัยวะเพศ (ช่วยวางแผนป้องกัน/ให้คำปรึกษา)

 

Practical pearls (ให้คำแนะนำผู้ป่วยสั้นๆ)

  • อธิบายเรื่อง asymptomatic shedding และการแพร่ช่วงไม่มีอาการ
  • แนะนำ barrier methods สม่ำเสมอ; หลีกเลี่ยงเพศสัมพันธ์ช่วงมีรอยโรค/prodrome
  • พิจารณา suppressive therapy และ PIT (patient-initiated therapy) ตามความถี่/ความรุนแรง (รายละเอียดการรักษาอยู่ในหัวข้อแยก)

 


การรักษา Genital Herpes (HSV-1/HSV-2)

หลักการสำคัญ

  • รักษาทุกคนที่เป็นครั้งแรก (first episode) ด้วยยาต้านไวรัสทางปากโดยเร็วสุด (ภายใน < 72 ชม. นับจากเริ่มรอยโรค) — มาช้ากว่านี้ยังให้ได้ถ้ามีรอยโรคใหม่/ปวดมาก
  • เป้าหมาย: ลดระยะเวลารอยโรค/ปวด/ไข้ และการขับไวรัส (ไม่สามารถกำจัด latency) ยังคงเสี่ยงเป็นซ้ำ
  • การเป็นซ้ำ (recurrent): เลือก episodic (เริ่มยาเองที่บ้านเมื่อมี prodrome) หรือ suppressive (กินทุกวัน) ตามความถี่/ความรุนแรง/ความกังวลเรื่องแพร่เชื้อ
  • หลีกเลี่ยงยาทาเฉพาะที่ (ประสิทธิภาพต่ำ ไม่มีบทบาทเมื่อเทียบยาเม็ด)

First Episode (primary หรือ nonprimary): ข้อบ่งชี้และสูตรยา

ข้อบ่งชี้: รักษาทุกราย (ยกเว้น nonprimary ที่อาการน้อยมากหลังผ่านไปหลายวัน)
ตัวเลือก (เลือก 1; ไตปกติ): ให้ 7–10 วัน และขยายได้ 5–7 วันถ้ายังมีรอยโรคใหม่

  • Valacyclovir 1,000 mg po bid
  • Acyclovir 400 mg po tid
  • Famciclovir 250 mg po tid

ถ้าอาการรุนแรง/กินยาไม่ได้/เสี่ยงภาวะแทรกซ้อน Acyclovir IV 5–10 mg/kg q8h แล้ว step down เป็นยาเม็ดให้ครบอย่างน้อย 10 วัน

Adjuncts: ยาแก้ปวด, Sitz bath (ช่วย dysuria), ให้สารน้ำ; พิจารณาใส่สายสวนปัสสาวะชั่วคราวถ้ามี urinary retention จาก sacral radiculitis


ภาวะแทรกซ้อน/สถานการณ์ที่ต้องให้ IV (เริ่มทันที)

  • CNS disease (aseptic meningitis/encephalitis/transverse myelitis)
  • Sacral radiculopathy มี urinary retention
  • End-organ disease (hepatitis/pneumonitis)
  • Disseminated HSV

ขนาดและระยะเวลาของ Acyclovir IV ปรับตาม clinical setting และ eGFR; ดีขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็น oral จนครบคอร์ส


Recurrent Genital Herpes: ตัวเลือกการรักษา

1) Episodic therapy (ให้ยาพกไว้ เริ่มทันทีที่มี prodrome หรือภายใน 24 ชม.)

ไตปกติ — เลือก 1 สูตร

  • Valacyclovir 500 mg bid × 3 วัน หรือ 1,000 mg qd × 5 วัน
  • Acyclovir 800 mg tid × 2 วัน หรือ 800 mg bid × 5 วัน
  • Famciclovir 1,000 mg bid × 1 วัน หรือ 125 mg bid × 5 วัน หรือ 500 mg ครั้งเดียว แล้ว 250 mg bid × 2 วัน

เคล็ดลัด: เริ่มยาเร็วที่สุด = หายเร็วขึ้น/ลด shedding; แจ้งผู้ป่วยเรื่องอาการเตือน (tingling/แสบร้อน/ปวดร้าวก้น-ขา)

2) Suppressive therapy (กินทุกวัน)

ข้อบ่งชี้ (แนะนำ):

  • เป็นซ้ำ ถี่/รุนแรง (เช่น > 6 ครั้ง/ปี)
  • ต้องการ ลดความเสี่ยงแพร่เชื้อให้คู่นอนที่ไม่ติดเชื้อ
    สูตร (ไตปกติ — เลือก 1):
  • Valacyclovir 500 mg qd (ถ้า >10 ครั้ง/ปี ใช้ 1,000 mg qd)
  • Acyclovir 400 mg bid
  • Famciclovir 250 mg bid

ประเมินความจำเป็น ปีละครั้ง; หยุดยาแล้วมักกลับมาเป็นซ้ำได้


การเลือกกลยุทธ์ (Episodic vs Suppressive)

  • Suppressive: เวลาหายกำเริบยาวขึ้น/วันป่วยน้อยลง/ลดแพร่เชื้อในคู่ต่างสถานะ; ต้องกินทุกวัน
  • Episodic: เหมาะกับผู้เป็นซ้ำน้อย/อาการไม่มาก/ไม่ต้องการยารายวัน; ต้องเริ่มยาเร็ว
  • ใส่ใจปัจจัยด้านจิตใจ–สังคม: ถ้าผู้ป่วยกังวลมาก อาจเลือก suppressive แม้เป็นซ้ำน้อย

การปรับขนาดยาและความปลอดภัย

  • ปรับขนาดยาในไตเสื่อม (eGFR/CrCl ) สำหรับ acyclovir/valacyclovir/famciclovir
  • ให้ สารน้ำเพียงพอ โดยเฉพาะ acyclovir IV ป้องกัน crystalluria/AKI
  • เฝ้าระวัง neurotoxicity (สับสน/สั่น/ง่วงมาก) ในผู้สูงอายุหรือไตเสื่อม

ผู้ติดเชื้อ HIV (สรุปย่อ)

  • ตอนเป็นซ้ำ ยาว/รุนแรง กว่า และเสี่ยง ดื้อ acyclovir มากขึ้น
  • หลักการรักษาคล้ายเดิม แต่ ขนาด suppressive มักสูงกว่า ตามแนวทาง CDC
  • เริ่ม ART อาจเกิด IRIS ช่วงแรก พิจารณา suppressive เพื่อคุมกำเริบ (ไม่ใช้เพื่อป้องกันการส่งต่อ HIV/HSV-2 ให้คู่)

สิ่งที่ ไม่ แนะนำ

  • Topical antivirals (เช่น acyclovir ointment): ประโยชน์จำกัด ไม่เพิ่มผลเมื่อเทียบ/ร่วมกับยาเม็ด
  • การใช้ยาทุกชนิดโดยไม่มีการประเมินไต/ให้คำแนะนำเริ่มยาเร็ว

Counseling สั้นๆ สำหรับผู้ป่วย

  • พูดคุยเรื่อง asymptomatic shedding และการแพร่ช่วงไม่มีอาการ
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางเพศช่วงมีรอยโรค/ช่วง prodrome; ใช้ barrier methods สม่ำเสมอ
  • คู่ต่างสถานะที่กังวลการแพร่เชื้อ: Suppressive valacyclovir ช่วยลดการติดเชื้อในคู่ที่ไม่ติด

 

 

 

Genital HSV ในหญิงตั้งครรภ์

Key points

  • ความเสี่ยงถ่ายทอดสู่ทารกสูงสุดเมื่อ ติดเชื้อครั้งแรก/first-episode ใกล้คลอด; ต่ำมากใน recurrent
    ความเสี่ยงโดยประมาณที่คลอด: primary ~30–50%, nonprimary first-episode ~20–30%, recurrent ~1–3%
  • Shedding แบบไม่มีอาการ เกิดได้ จึงต้องประเมินซ้ำตอนเจ็บครรภ์ทุกคนที่เคยมี HSV
  • Suppressive acyclovir ตั้งแต่ 36 สัปดาห์จนคลอด ลดอัตรา recurrence/การผ่าคลอดจากแผล และลด shedding (แต่ไม่ “ศูนย์”)
  • ถ้า มีรอยโรคหรือ prodrome ตอนเจ็บครรภ์ เสนอ ผ่าตัดคลอดทันที
  • Acyclovir/Valacyclovir ปลอดภัยในครรภ์และให้นม; หลีกเลี่ยง famciclovir ถ้ามีทางเลือก

การจำแนก (เพื่อประเมินความเสี่ยงทารก)

  • Primary: ไม่มี Ab ทั้ง HSV-1/2 มาก่อน + พบเชื้อที่รอยโรคครั้งแรก
  • Nonprimary first-episode: เคยมี Ab ต่ออีกชนิดมาก่อน (เช่น มี Ab HSV-1 แล้วติด HSV-2 ที่อวัยวะเพศ)
  • Recurrent: ชนิดเชื้อตรงกับ Ab เดิม

ต้องอาศัย PCR/เพาะเชื้อจากแผล + serology แบบ type-specific (gG-based) เพื่อจัดกลุ่มให้ถูก โดยเฉพาะในครรภ์


การวินิจฉัยในครรภ์ (เมื่อมีแผล)

1.       ป้ายรอยโรคส่ง PCR (เหนือกว่าเพาะเชื้อ) และ

2.       ส่ง type-specific serology เพื่อแยก primary / nonprimary / recurrent

  • ถ้าแผลเข้าได้กับ HSV แต่ PCR และ Ab ทำซ้ำ serology ใน 3–4 สัปดาห์ เพื่อดู seroconversion
  • ไม่แนะนำ PCR คัดกรองการ shedding แบบไร้อาการที่ห้องคลอด

Vertical transmission: ปัจจัยสำคัญ

  • ความเสี่ยงสูง: first-episode ใกล้คลอด, shedding ของ HSV-1 ที่ช่องคลอด, invasive monitoring, คลอดก่อนกำหนด, มารดาอายุน้อย
  • การผ่าคลอดช่วยลดความเสี่ยง แต่ ไม่ป้องกันได้ทั้งหมด

การรักษาในระหว่างตั้งครรภ์

First-episode (primary หรือ nonprimary) ระหว่างตั้งครรภ์

  • เริ่ม ยาทันทีแบบ empiric ระหว่างรอผล:
    Acyclovir 400 mg po tid × 7–10 วัน (ยืดได้ถ้าแผลยังไม่แห้ง)
    ถ้ามีภาวะแทรกซ้อน/กินไม่ได้ Acyclovir IV 5–10 mg/kg q8h
  • ถ้าเกิดใน ไตรมาส 3: พิจารณาให้ ยาต่อเนื่องจนคลอด (ไม่รอถึง 36 สัปดาห์) เพราะเสี่ยง shedding ยาว และอาจคลอดก่อนกำหนด
  • หลังจากคุมอาการแล้ว วางแผน suppressive (ดูด้านล่าง)

Recurrent episode ระหว่างตั้งครรภ์

  • ส่วนใหญ่สั้นและหายเอง; รักษาแบบ episodic ได้หากอาการมาก

Suppressive therapy ตั้งแต่ 36 สัปดาห์จนคลอด (ทุกรายที่เคยมีรอยโรคในครรภ์นี้)

  • Acyclovir 400 mg po tid
    (ทางเลือก: Valacyclovir 500 mg po bid หากกังวล adherence)
  • ผลลัพธ์: ลด clinical recurrence ที่คลอด, ลด อัตราผ่าคลอดเพราะ HSV, ลด asymptomatic shedding

หมายเหตุ: ไม่มีหลักฐานชัดว่าลดอุบัติการณ์ neonatal herpes ได้ถึงศูนย์

ความปลอดภัยยา

  • Acyclovir/Valacyclovir: ข้อมูลมนุษย์และสัตว์ ปลอดภัยในทุกไตรมาส และ ให้นมได้
  • ปรับขนาดยาตามไตเมื่อ eGFR ลดลง

วิธีคลอด (เมื่อตอบรับห้องคลอด)

1.       ซักอาการ prodrome (ปวด/แสบร้อน) และ ตรวจรอยโรคภายนอก ทุกคนที่เคยมี HSV

2.       แนวทาง:

  • มีรอยโรคที่อวัยวะเพศ (แม้เริ่มตกสะเก็ด) หรือมี prodrome เสนอผ่าคลอดทันที ไม่ว่าน้ำคร่ำแตกนานเท่าไร (ประโยชน์หลัง ROM >6 ชม. ไม่ชัด แต่ยังแนะนำ)
  • ไม่มีรอยโรค/ไม่มี prodrome:
    • Recurrent คลอดทางช่องคลอด
    • First-episode ในครรภ์นี้:
      • ถ้าเกิดใน ปลายไตรมาส 3 แนะนำผ่าคลอด (เสี่ยง shedding ยาว); แต่ทำ shared decision ได้หากไม่มีอาการ/รอยโรค
      • ถ้าเกิด ก่อนหน้านั้น พิจารณาตามค่านิยมผู้ป่วย; ผ่าคลอดลดความเสี่ยงได้แต่ไม่ศูนย์
  • รอยโรคที่ไม่ใช่อวัยวะเพศ (หลัง/ก้น/ต้นขา) ไม่เป็นข้อบ่งชี้ผ่าคลอด; ปิดแผลด้วย occlusive dressing

การจัดการในห้องคลอด

  • หลีกเลี่ยง fetal scalp electrode, vacuum/forceps หากมีประวัติ HSV (ลดบาดแผลผิวหนังทารก)
  • ใช้ external FHR monitoring เป็นหลัก

Special: PPROM + HSV

  • Recurrent + PPROM: หลักฐานจำกัดแต่ expectant management มักสมเหตุสมผล โดยเฉพาะ GA น้อย; พิจารณา Acyclovir IV 5 mg/kg q8h เพื่อลดระยะรอยโรค + สเตียรอยด์ก่อนคลอด หาก GA <34 สัปดาห์ (ยังไม่มีหลักฐานว่าป้องกันการติดทารกได้)
  • First-episode + PPROM: ข้อมูลน้อย ต้อง multidisciplinary + shared decision
    • บางแนวทางพิจารณา ผ่าคลอดเมื่อ GA > 28–32 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อทารก
    • GA น้อยมาก (<28–32 สัปดาห์): มัก expectant + acyclovir มารดา เพื่อลด viral burden (ไม่พิสูจน์ว่าป้องกันทารก)

หลังคลอด & การดูแลทารก

  • ผู้ปกครอง/ทีมที่มีรอยโรค ต้องปิดแผล + ล้างมือ ก่อนสัมผัสทารก (5–15% ของ neonatal HSV ติดหลังคลอดจากคนรอบตัว)
  • ให้นมได้ หาก ไม่มีรอยโรคที่เต้านม; acyclovir/valacyclovir compatible กับการให้นม
  • แจ้งกุมารแพทย์เรื่องความเสี่ยง ทุกราย; ทารกที่เสี่ยงต้อง เฝ้าระวังและพิจารณาตรวจ/รักษาตามแนวทาง neonatal HSV

การคัดกรองผู้ไม่มีประวัติ HSV

  • ไม่แนะนำคัดกรองถ้วนหน้า (ความแม่นยำ/ประโยชน์ไม่พอ)
  • คู่ที่ต้องการตรวจ: ใช้ type-specific gG assays; ระวัง ผลบวกหลอก เมื่อ index ต่ำ (1.1–3.5) ยืนยันด้วยวิธีที่สอง
  • ถ้า serodiscordant:
    • T1–T2: ใช้ถุงยางสม่ำเสมอ
    • T3: หลีกเลี่ยงเพศสัมพันธ์ (และหลีกเลี่ยง oral-genital ตามสถานะ Ab)
    • อาจพิจารณาให้คู่ที่ติดเชื้อกิน Valacyclovir 500 mg qd ลดการแพร่ (หลักฐานนอกตั้งครรภ์; ในครรภ์ยังไม่ชัด)

ชุดสั่งยา (Order set) ที่ใช้บ่อย

  • First-episode (ไม่ซับซ้อน): Acyclovir 400 mg po tid × 7–10 วัน; พิจารณา Valacyclovir 1,000 mg po bid × 7–10 วัน หากต้องการ dosing น้อยครั้ง
  • ซับซ้อน/กินไม่ได้/CNS/กระจาย: Acyclovir IV 5–10 mg/kg q8h + ให้น้ำเพียงพอ; ปรับตาม eGFR
  • Suppressive (> 36 สัปดาห์จนคลอด): Acyclovir 400 mg po tid (หรือ Valacyclovir 500 mg po bid)
  • อาการมาก: เพิ่มพาราเซตามอล, sitz bath; หลีกเลี่ยง NSAIDs ช่วงใกล้คลอดตามข้อบ่งชี้สูติฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น