Seasonal Influenza ในผู้ใหญ่
Key takeaways
- onset
ฉับพลัน: ไข้-ไอแห้ง-ปวดเมื่อยเด่น;
incubation 1–4 วัน (เฉลี่ย 2)
และ serial interval 3–4 วัน
- ผู้สูงอายุ/กดภูมิ: อาจ ไม่มีไข้/ไม่มี myalgia
→ ระวัง AMS
เป็นตัวชี้นำ
- ทุกราย ซักประวัติสัมผัสสัตว์ปีก/โคนม; ถ้าเข้าเกณฑ์ระบาดวิทยาให้คิดถึง
avian influenza และส่งตรวจตามแนวทางสาธารณสุข
อาการและการดำเนินโรค (Uncomplicated
illness)
- อาการหลัก: ไข้ (มัก 37.8–40°C; อาจสูงถึง 41.1°C), ไอแห้ง, myalgia,
malaise, sore throat, คัดจมูก, headache
- ความแปรผันตามสายพันธุ์: H1N1 2009 GI sx พบบ่อยขึ้น; ฤดูกาล 2014–15 พบ parotitis มากขึ้น (ส่วนใหญ่ H3N2)
- ตรวจร่างกาย: คอแดงเล็กน้อย, ต่อมน้ำเหลืองคอพบได้; ตรวจปอดมักปกติ
- Lab/CXR:
WBC ปกติหรือต่ำช่วงต้น; > 15,000/µL → นึกถึง bacterial
superinfection; CXR ปกติในโรคไม่ซับซ้อน
- ระยะโรค: ไข้/อาการทางเดินหายใจ ~3 วันแรก ดีขึ้นเป็นลำดับ; ฟื้นตัวเต็มที่ 10–14
วัน (นานขึ้นใน > 65
ปี); อ่อนเพลียอาจคงอยู่นาน
ภาวะแทรกซ้อนสำคัญ
Pneumonia (พบบ่อยสุด)
- รูปแบบ: primary viral, secondary bacterial, หรือ mixed
- เชื้อแบคทีเรียร่วมบ่อย: S. pneumoniae, S. aureus
(MSSA/MRSA), GAS; อื่น ๆ เช่น H. influenzae,
Klebsiella, Pseudomonas ฯลฯ
- Primary
viral PNA: ไข้สูง-หอบต่อเนื่องหลัง 3–5 วัน;
CXR bilateral reticular/reticulonodular ± consolidation
หัวใจและหลอดเลือด
- เสี่ยง MI ช่วง 7 วันแรก หลังยืนยันไข้หวัดใหญ่ (incidence ratio โดยรวม
~6; Influenza B สูงสุด ~10)
- Myocarditis/pericarditis
พบได้แต่หายาก; ECG changes ชั่วคราวพบได้
ระบบประสาท
- ชัก, encephalopathy/encephalitis, GBS (RI ภายใน 90 วัน ~7; ภายใน 30
วัน ~16)
กล้ามเนื้อ/ไต
- Myositis/rhabdo:
ปวดกล้ามเนื้อกดเจ็บมาก (ขาเด่น), CPK สูง,
myoglobinuria → AKI ได้
อื่น ๆ/ร่วมติดเชื้อ
- TSS
จาก S. aureus/GAS, meningococcal meningitis
(ความสัมพันธ์มีรายงาน), invasive pulmonary
aspergillosis ใน ICU
- ผู้ป่วยหนักอาจเกิด ARDS/shock/MOF
การวินิจฉัย (Diagnosis)
เมื่อใดควรสงสัย
- ช่วงฤดูกาลระบาด: ไข้ขึ้นฉับพลัน + ไอ/ปวดเมื่อย → เพียงพอสำหรับ
Dx ทางคลินิกในผู้ใหญ่สุขภาพดี (< 65 ปี) ไม่ต้องนอน รพ. หลังคัดกรอง COVID-19 แล้ว
- ผู้สูงอายุ/กดภูมิ/มีโรคร่วม/ต้องนอน รพ. หรือมีภาวะแทรกซ้อน → ควรตรวจยืนยัน
ใครควรตรวจ (เมื่อเชื้อกำลังระบาด)
- ผู้ป่วย high risk หรือ immunocompromised
ที่มี ILI (influenza-like illness)/PNA/โรคทางเดินหายใจไม่จำเพาะ
- ผู้ป่วยนอน รพ. มีอาการทางเดินหายใจ หรือกำเริบของโรคเรื้อรัง
- นอกฤดูกาล: พิจารณาตาม risk exposure (สัมผัสผู้ป่วย/การระบาด/เดินทาง)
การเลือกการทดสอบ
- Preferred:
Molecular assays (NAAT/RT-PCR) — ไว/จำเพาะสูง;
แยก A/B และ A subtypes
ได้ (แบบ conventional/multiplex รวม SARS-CoV-2)
- Rapid
molecular (POC 15–30 นาที): ใช้ได้เมื่อเข้าถึง RT-PCR
ยาก (แยก A/B แต่ไม่ subtype)
- Antigen
assays (RIDT/IFA): ไวต่ำ–ปานกลาง → หลีกเลี่ยงใช้เดี่ยว ๆ ในผู้ป่วยนอน รพ.; ผลลบ ไม่ตัดโรค,
ผลบวกช่วงความชุกต่ำ คิดถึง false-positive
→ ตามด้วย
NAAT ตามบริบท
- Viral
culture: เฝ้าระวังสาธารณสุข; Serology: ไม่แนะนำในการดูแลประจำ
การเก็บตัวอย่าง
- เก็บ เร็วสุด ภายใน < 4 วัน หลังเริ่มป่วย; nasopharyngeal
(NP) เป็นหลัก
- ถ้าไม่ได้ NP: เก็บ nasal + throat
รวมกัน; ใช้ flocked swab ใส่ VTM ทันที
- ผู้ป่วยใส่ท่อ/สงสัย LRT involvement หรือ URT-PCR
ลบซ้ำ ๆ → เก็บ ETA/BAL
- ขนส่งบน ice/แช่เย็น; อย่าตรวจจาก serum/urine/stool/CSF
การทำ Subtyping สำหรับผู้ป่วยนอน
รพ.
- ตามคำแนะนำ CDC (ม.ค. 2025): กรณีมี avian influenza (H5) outbreak หากผลเบื้องต้นเป็น
A แต่ ไม่ระบุ H1/H3 ให้สั่ง subtyping influenza A
เมื่อควรส่งตรวจดื้อยา (Antiviral
resistance)
- ติดเชื้อระหว่าง/หลัง post-exposure prophylaxis
- Immunocompromised/รุนแรง ที่ยัง PCR positive 7–10
วัน หลังได้ neuraminidase
inhibitor/baloxavir
- ได้ ขนาดยาไม่พอ แล้วอาการคงอยู่ → ส่งตัวอย่างไปห้องปฏิบัติการอ้างอิงเพื่อทดสอบดื้อยา
การประเมินเพิ่มเติมเมื่อสงสัยภาวะแทรกซ้อน/ไม่ดีขึ้น
- มี PNA signs, abnormal lung sound, ไข้
> 3–5 วัน, ไข้กลับ,
อาการทรุด
- ตรวจ: CXR, COVID-19 test, sputum
Gram/culture, blood cultures (ก่อนให้ยาปฏิชีวนะ),
nasal MRSA PCR, pneumococcal urine Ag, Legionella Ag/PCR;
รายรุนแรงพิจารณา bronchoscopy เก็บตัวอย่าง
แยกโรค (Differential)
- ไวรัสทางเดินหายใจอื่น: COVID-19 (anosmia/ageusia
พบบ่อยกว่า), RSV, rhinovirus, parainfluenza,
adenovirus, MERS-CoV
- Novel
influenza A (สัมผัสสัตว์ปีก/สัตว์/เดินทางพื้นที่ระบาด) → Dx
ต้อง molecular assay เฉพาะ ผ่านห้องแล็บสาธารณสุข
- Bacterial
pneumonia: อาจเป็นภาวะแทรกซ้อนหรือเป็นอิสระ
การรักษา Seasonal Influenza ในผู้ใหญ่
หลักการทั่วไป
- ประเมินที่เหมาะสมต่อการนอนโรงพยาบาล: ขาดน้ำ,
หายใจลำบาก/เขียว/SpO2 ต่ำ,
ภาวะหัวใจ-ปอดผิดปกติ, AMS, ผู้ป่วยรุนแรง
หรือมีโรคร่วมเสี่ยงสูง
- รักษาประคับประคอง: ให้สารน้ำเพียงพอ,
ยาลดไข้/แก้ปวด (acetaminophen/NSAIDs)
ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล (Severe/complicated)
- ให้ยาต้านไวรัสทันที ไม่ต้องรอผลตรวจ
และไม่ยุติแม้ antigen ลบถ้าความน่าจะเป็นสูง
- ถ้า PCR บนทางเดินหายใจส่วนบนลบแต่สงสัยสูง/มี
PNA → เก็บ ตัวอย่างทางเดินหายใจส่วนล่าง เพิ่ม
- ยาที่แนะนำ (preferred): Oseltamivir
- ไม่แนะนำ เพิ่มขนาดยาจากมาตรฐาน
(ไม่มีหลักฐานได้ประโยชน์)
- ทางเลือกเมื่อกินยาไม่ได้/จำเป็น:
- Peramivir
IV → ใช้ได้ในรายรุนแรงที่กินยาไม่ได้ (นิยม 600 mg IV วันละครั้ง 5 วัน)
- Zanamivir
IV (หากเข้าถึงได้ในบางประเทศ) 5–10 วัน
- ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ สำหรับ baloxavir
ในรายรุนแรง
- ระยะเวลา: โดยทั่วไป 5 วัน; พิจารณา ยืดถึง 10 วัน หากอาการทางเดินหายใจล่างยังรุนแรง/กดภูมิ
และยัง PCR positive หลัง 5 วัน
- ครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียร่วม (ให้เพิ่มนอกเหนือจากยาต้านไวรัส)
เมื่อมี:
- หายใจล้มเหลว/ช็อก, ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงหลัง 3–5
วัน
- ครอบคลุม S. pneumoniae, S. aureus (รวม MRSA),
GAS ตามแนวทาง CAP
ผู้ป่วยนอก (Outpatients)
ควรให้ยาต้านไวรัส
(ไม่ขึ้นกับระยะเวลาที่ป่วย):
- กลุ่ม เสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อน หรือ อาการทรง/แย่ลง
- ผู้ที่มีโอกาสแพร่สู่ผู้เสี่ยงสูง (เช่น อยู่บ้านเดียวกับผู้เปราะบาง,
บุคลากรการแพทย์)
การตัดสินใจในผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่เสี่ยงสูง:
- อาการ < 48 ชม.: พิจารณาให้ยาแบบ
shared decision—ช่วยลดอาการได้ ~24 ชม. มากสุดเมื่อเริ่ม <
12 ชม.
- อาการ > 48 ชม.:
โดยรวม งดให้ยา (ประโยชน์น้อย)
ระยะเวลา:
- Oseltamivir/Zanamivir
(สูดดม): 5 วัน
- Peramivir/Baloxavir:
ให้ครั้งเดียว
การเลือกยาต้านไวรัส (Adults)
- Oseltamivir
(preferred): หลักฐานประสิทธิผล/ความปลอดภัยมากสุด
- ผลข้างเคียง: คลื่นไส้/อาเจียน (ลดได้เมื่อรับประทานหลังอาหาร);
รายงานเหตุการณ์ทางระบบประสาทพบสัมพันธ์เชิงสังเกต
ไม่ยืนยันเหตุ-ผล
- Baloxavir
(oral single dose): ลดอาการ ~1 วัน;
หลีกเลี่ยงในผู้กดภูมิ (เสี่ยงเกิดดื้อระหว่างรักษา)
- ผลข้างเคียง: ท้องเสีย, รายงาน hypersensitivity
หลังขึ้นทะเบียน
- Zanamivir
(inhaled): ลดอาการเล็กน้อย; ห้ามใช้ใน
asthma/COPD (เสี่ยงหลอดลมตีบ) และ ห้าม ใส่
nebulizer/เครื่องช่วยหายใจ
- Peramivir
(IV): ใช้เมื่อกิน/สูดไม่ได้; หลักฐานในผู้ป่วยนอกใกล้เคียง
oseltamivir; ในผู้ป่วยในประโยชน์ยังไม่ชัด
หมายเหตุขนาดยา (ผู้ใหญ่ทั่วไป):
Oseltamivir 75 mg PO BID 5 วัน (ปรับลดตามไต);
Zanamivir 10 mg สูด BID 5 วัน;
Peramivir 600 mg IV single dose (รายรุนแรงบางแนวทางใช้ วันละครั้ง
5 วัน); Baloxavir single dose ตามน้ำหนัก.
ควบคุมการติดเชื้อ & การกลับไปทำงาน/เรียน
- หน้ากาก + ล้างมือ ลดแพร่เชื้อในครัวเรือน
- ให้ผู้ป่วย หยุดงาน/เรียน จนกว่า พ้นไข้ > 24 ชม. โดยไม่ใช้ยาลดไข้ และอาการดีขึ้น
เมื่ออาการไม่ทุเลา/ทรุด
1.
ค้นหาการติดเชื้อร่วม:
CXR, COVID-19 test, เสมหะ/เลือดเพาะเชื้อ, nares MRSA PCR,
pneumococcal urine Ag, Legionella test; รายรุนแรงพิจารณา bronchoscopy
เก็บตัวอย่าง
2.
พิจารณาดื้อยา หาก: ได้ PEP/ขนาดไม่พอ, กดภูมิหรือรุนแรงและยัง
PCR positive > 7–10 วัน, หรือแย่ลงระหว่าง/หลังต้านไวรัส
o ถ้าสงสัย ดื้อ oseltamivir → งด oseltamivir/ peramivir,
ให้ zanamivir (ไม่มี cross-resistance
โดยทั่วไป); ถ้าสูดไม่ได้ พิจารณา baloxavir
(ข้อมูลจำกัด) หรือ zanamivir IV หากเข้าถึง
o ส่งตัวอย่างทางเดินหายใจไปทดสอบความไวต่อยา (phenotype/genotype) ผ่านห้องปฏิบัติการที่รองรับ
จุดเน้นตามหลักฐาน
|
การใช้ยาต้านไวรัสป้องกันไข้หวัดใหญ่ในผู้ใหญ่
(Seasonal Influenza Chemoprophylaxis)
แก่นความคิด
- วัคซีน = หัวใจหลัก ของการป้องกัน; ยาต้านไวรัสใช้เป็น เครื่องมือเสริม/ชั่วคราว ในคนที่ฉีดไม่ได้/ยังไม่ทันฉีด/คาดว่าภูมิขึ้นไม่ดี
- ไม่แนะนำใช้เป็นวงกว้าง ทั้งก่อนหรือหลังสัมผัสในชุมชนทั่วไป
- ใช้เมื่อมี ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนสูง หรือเพื่อป้องกันผู้ใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง
- เริ่มภายใน 48 ชม.หลังสัมผัส
(post-exposure prophylaxis, PEP) จึงจะได้ประโยชน์
- หากมีอาการระหว่างรับยา หยุดเคมีป้องกัน → ตรวจยืนยัน
→ เปลี่ยนเป็นขนาดรักษา (พิจารณาใช้ยาคนละกลไกเพื่อลดโอกาสดื้อยา)
ใคร “พอจะให้” เคมีป้องกัน
Pre-exposure (PrEP) ในช่วงมีการระบาดในชุมชน:
1.
ผู้มีความเสี่ยง สูงมาก ที่ฉีดไม่ได้/คาดว่าภูมิไม่ดี
2.
ผู้มีความเสี่ยงสูงที่ เพิ่งฉีดวัคซีน
(ยังไม่ครบ 2 สัปดาห์) → ให้ชั่วคราว 2
สัปดาห์ จนภูมิขึ้น
3.
ผู้ใกล้ชิดแนบชิดของกลุ่ม (1)–(2)
ที่ไม่สามารถฉีด/รับยาได้เอง → ให้ตลอดช่วงที่มีการสัมผัสต่อเนื่อง
Post-exposure (PEP) (ภายใน 48 ชม.หลังสัมผัส):
- ผู้เสี่ยง สูงมาก (เช่น
ภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง) ที่วัคซีนใช้ไม่ได้/คาดว่าไม่ได้ผล
- ผู้ไม่ได้ฉีด ที่เป็น ผู้ใกล้ชิดในบ้าน
ของคนเสี่ยงสูง
ทางเลือกที่สมเหตุสมผลแทน PrEP/PEP คือ สอนให้เริ่มรักษาเร็ว ทันทีที่มีอาการ
ตัวเลือกยาและขนาด (ผู้ใหญ่ทั่วไป)
ยา |
บทบาท |
ขนาดและระยะเวลา |
หมายเหตุสำคัญ |
Oseltamivir (PO) |
PrEP/PEP |
75 mg วันละครั้ง
- PEP: 7 วัน หลังสัมผัส -
PrEP: ตลอดช่วงเสี่ยง/จนครบ 14 วันหลังฉีดวัคซีน |
คลื่นไส้/อาเจียนพบได้;
ถ้าสงสัยดื้อ oseltamivir →
ใช้ zanamivir หรือ baloxavir
แทนตามข้อบ่งชี้ |
Zanamivir (สูดผง) |
PrEP/PEP |
10 mg (2 พัฟ)
วันละครั้ง ระยะเวลาเท่า oseltamivir |
ห้ามใช้ในหืด/COPD
(เสี่ยง bronchospasm) |
Baloxavir (PO) |
PEP เท่านั้น |
ครั้งเดียว ตามน้ำหนัก: 40 mg (20–< 80 กก.), 80
mg (> 80 กก.) |
หลีกเลี่ยงใช้กว้างขวางเพราะ
ดื้อยาเกิดง่าย; ไม่แนะนำในตั้งครรภ์/หลังคลอดใหม่;
ไม่ใช้ PrEP |
Peramivir/Adamantanes |
— |
— |
ไม่แนะนำ เพื่อการป้องกัน |
เมื่อสงสัย/พบการดื้อยา
- หากสงสัย ดื้อ oseltamivir (เช่น
ติดเชื้อระหว่าง/หลัง PEP ด้วย oseltamivir): เลี่ยง oseltamivir/peramivir →
ใช้ zanamivir หรือ baloxavir
(ถ้าไม่ตั้งครรภ์)
- หากได้รับ zanamivir อยู่และป่วย:
พิจารณา baloxavir
- หากได้รับ baloxavir อยู่และป่วย:
พิจารณา oseltamivir หรือ zanamivir
สถานพยาบาล/หน่วยปิด (Institutional
Outbreak)
- เริ่ม เฝ้าระวังเชิงรุก เมื่อพบเคสยืนยัน 1 ราย (LTCH) หรือ HA-influenza 1 ราย (รพ.)
- หากพบ > 2 เคสในหน่วยเดียวกันภายใน 72
ชม.: ให้ เคมีป้องกันผู้ป่วย/ผู้อยู่อาศัยที่ยังไม่ป่วยทั้งหน่วย
ไม่ขึ้นกับสถานะวัคซีน
- ยา/ขนาด: oseltamivir 75 mg วันละครั้ง
หรือ zanamivir 10 mg วันละครั้ง
- ระยะเวลา: อย่างน้อย 14 วัน และ > 7 วัน หลังอาการของเคสสุดท้ายเริ่ม
- ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง: อาจให้ ขนาดรักษา 5
วัน ก่อนลดเป็นขนาดป้องกัน
- บุคลากรสาธารณสุข: ให้ฉีดวัคซีนทุกฤดูกาล; รายที่ยังไม่ฉีด/เพิ่งฉีด
<14 วัน หรือมีข้อพิจารณาด้านกำลังคน → อาจให้เคมีป้องกันตลอดช่วงการระบาดหน่วยนั้น
ข้อควรระวัง/ข้อห้ามสำคัญ
- Zanamivir:
หลีกเลี่ยงในหืด/COPD
- Baloxavir:
ไม่แนะนำใน ตั้งครรภ์/ระยะหลังคลอดทันที; ระวังการเลือกใช้เพราะ ดื้อยาเกิดได้
- Adamantanes
(amantadine/rimantadine): ไม่ใช้ (ดื้อสูง)
- ผลข้างเคียงพบบ่อย: oseltamivir (คลื่นไส้/อาเจียน),
zanamivir (หลอดลมตีบ), baloxavir (GI เล็กน้อย; ประเด็นหลักคือดื้อยา)
ประเด็นปฏิบัติที่ช่วยตัดสินใจ
|
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในผู้ใหญ่ (Seasonal
Influenza Vaccination)
แก่นสาร
- ฉีดเป็นประจำทุกปีสำหรับทุกคนอายุ > 6 เดือน; ผู้ใหญ่ฉีด 1 โดส/ฤดูกาล
- ฉีด ก่อนเริ่มระบาด (โดยทั่วไปก่อนสิ้น
ต.ค. ในซีกโลกเหนือ) แต่ ฉีดเมื่อใดก็ได้ตลอดฤดูกาล หากยังไม่ได้ฉีด
- ภูมิคุ้มกัน อาจเสื่อมตามเวลา; หลีกเลี่ยงการฉีดช่วง
ก.ค.–ส.ค. ในผู้ใหญ่ที่ไม่ตั้งครรภ์ เว้นแต่เกรงว่าจะพลาดโอกาสฉีด
ชนิดและองค์ประกอบวัคซีน (สหรัฐฯ
ปัจจุบันเป็น ไตรวาเลนต์ ทั้งหมด)
- Egg-based
IIV3: H1N1 A/Victoria/4897/2022-like, H3N2 A/Croatia/10136RV/2023-like,
B/Victoria B/Austria/1359417/2021-like
- ccIIV3/RIV3
(ไม่ใช้ไข่): H1N1 A/Wisconsin/67/2022-like,
H3N2 A/District of Columbia/27/2023-like, B/Victoria B/Austria/1359417/2021-like
- ทำไมกลับเป็นไตรวาเลนต์: B/Yamagata ไม่พบหมุนเวียนตั้งแต่ปี
2020 → ตัดออก
สูตรวัคซีนที่มี
- IIV
(ฉีดกล้ามเนื้อ)
- มาตรฐาน (split/subunit)
- Jet-injector
“เข็มฟรี” (Afluria, อายุ 18–64
ปี)
- Adjuvanted
(MF59) > 65 ปี
- High-dose
(HD-IIV) > 65 ปี
- ccIIV
(cell-based) > 6 เดือน
- RIV
(recombinant HA) > 9 ปี
- LAIV
(live attenuated พ่นจมูก) อายุ 2–49
ปี เฉพาะ ผู้ใหญ่สุขภาพดีที่ไม่ตั้งครรภ์
เลือกวัคซีนให้ใคร ใช้อะไร
- <
49 ปี สุขภาพดี ไม่ตั้งครรภ์: IIV / RIV / LAIV ได้ทั้งหมด
- มีข้อห้าม LAIV (ตั้งครรภ์, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง, โรคหัวใจ/ปอด/เมตาบอลิกเรื้อรัง
ฯลฯ): ใช้ IIV หรือ RIV
- อายุ 50–64 ปี: IIV
หรือ RIV
- อายุ > 65 ปี
(แนะนำตาม ACIP): เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอันดับแรก
- HD-IIV3
หรือ aIIV3 (adjuvanted) หรือ RIV3
- ถ้าไม่มี → IIV มาตรฐาน ยอมรับได้
- กลัวเข็ม: LAIV (ถ้าไม่มีข้อห้าม) หรือ IIV
แบบ jet-injector (18–64 ปี)
การฉีดร่วมกับวัคซีนอื่น
- ฉีดพร้อมกันได้กับ COVID-19,
RSV, PCV15/PCV20/PPV23, RZV (ฉีดคนละตำแหน่ง)
- LAIV
กับวัคซีนมีชีวิตอื่น: ถ้าไม่ได้ฉีดวันเดียวกัน
ให้เว้น > 4 สัปดาห์
วัคซีนกับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่
- IIV/RIV
ฉีดได้แม้กำลังใช้ยาต้านไวรัส
- LAIV
อาจถูกยาต้านไวรัสหักฤทธิ์ → ถ้าได้รับในช่วงเวลาเหล่านี้
ให้ฉีดซ้ำด้วย IIV/RIV
- Oseltamivir/zanamivir:
ภายใน −48 ชม. ถึง +14
วัน รอบ LAIV
- Peramivir:
−5 วัน ถึง +14 วัน
- Baloxavir:
−17 วัน ถึง +14 วัน
ข้อห้าม/ข้อควรระวังสำคัญ
- ห้ามฉีด: เคย anaphylaxis ต่อวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ส่วนประกอบ
- แพ้ไข่ไม่ใช่ข้อห้าม: ให้ วัคซีนใดก็ได้ที่เหมาะกับอายุ
ไม่ต้องคัดกรองประวัติแพ้ไข่
- ผู้มีประวัติ GBS: ชั่งน้ำหนักประโยชน์/ความเสี่ยง—หากเป็นกลุ่มเสี่ยงโรครุนแรง
มักยังแนะนำให้ฉีด (บางรายเลื่อน > 12 เดือนหลัง GBS) หรือพิจารณาให้เคมีป้องกันช่วงฤดูกาล
- กินยาต้านการแข็งตัวเลือด: ฉีด IM ได้ ใช้เข็มเล็ก กดนาน > 2 นาที ไม่ถู
- LAIV
ข้อห้าม/ข้อควรระวัง: ตั้งครรภ์,
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง, โรคประจำตัวบางอย่าง,
ใช้แอสไพรินเรื้อรัง, และผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยภูมิคุ้มกันกดที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมป้องกันพิเศษ
ประสิทธิผล/หลักฐานสรุป
- โดยรวมประสิทธิผลในชุมชน ประมาณ 40–60% ต่อการป่วยยืนยัน และช่วย ลดความรุนแรง/การนอน รพ./การตาย เมื่อติดเชื้อ
- ผู้สูงอายุ > 65 ปี: HD-IIV / aIIV / RIV ให้การป้องกัน ดีกว่า IIV มาตรฐาน
และลดการเสียชีวิตจากปอดบวม/สาเหตุหัวใจ-ปอด
- RIV
มักดีกว่า IIV มาตรฐานเล็กน้อย; ccIIV
ใกล้เคียง IIV; LAIV ใกล้เคียง IIV
ในผู้ใหญ่แข็งแรง
- ชนิดไวรัส/ความตรงกันสายพันธุ์มีผล: มัก ต่ำกว่าใน
H3N2; แม้ mismatch ยังมีประโยชน์ชัดเจน
- โรคหัวใจ/หลอดเลือด: ลด MACE
และ CV mortality อย่างมีนัยสำคัญ
- โรคปอดเรื้อรัง: ลดความเสี่ยงติดเชื้อยืนยันได้พอควร
อาการไม่พึงประสงค์โดยสรุป
- IIV/ccIIV/RIV:
ปวดตำแหน่งฉีด, ไข้ต่ำ/ปวดเมื่อยบางราย (HD-IIV
ปฏิกิริยาเฉพาะที่มากกว่าเล็กน้อย)
- Jet-injector:
ปฏิกิริยาเฉพาะที่มากกว่าการใช้เข็ม แต่หายเองใน ~3 วัน
- LAIV:
คัดจมูก/น้ำมูก/ปวดศีรษะ/เจ็บคอ; อาการรุนแรง
พบได้น้อยมาก
- GBS
หลังวัคซีน: หลักฐาน ไม่สม่ำเสมอ/เสี่ยงต่ำมาก;
การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เองสัมพันธ์กับความเสี่ยง GBS มากกว่า
ปฏิบัติการเร็วในคลินิก (Quick picks)
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น