วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

The Biodynamics of Flight

The Biodynamics of Flight


1) ประเภทของแรงเร่ง (Acceleration)

  • Short-duration (<1 วินาที): อุบัติเหตุ/ditch/ejection/parachute opening เสี่ยงบาดเจ็บ/เสียชีวิตสูง
  • Long-duration (>1 วินาที): เพิ่ม “น้ำหนักจำเพาะ” ของอวัยวะ/ของเหลว เปลี่ยนสรีรวิทยาตาม กฎของนิวตัน และ Starling’s law

แกนและสัญลักษณ์

  • Gz: แกนยาวศีรษะ–เท้า (บ่อยสุด; +Gz = หนักกดลงเก้าอี้)
  • Gx: หน้า–หลัง; Gy: ซ้าย–ขวา

2) Linear Acceleration (เร่งเชิงเส้น: take-off/landing/reverse thrust/ต้านอากาศ)

ผลทางคลินิก

  • เลือด/อวัยวะเคลื่อนตามแรงเฉื่อย อาจกระตุ้น baroreflex tachycardia ชั่วคราว
  • ท่าและทิศผู้ป่วย (หัวไปทางไหน) มีผลต่อ pooling:
    • โรคหัวใจ/hypovolumia: หัวไปท้ายเครื่อง pooling ช่วงอก–ศีรษะ perfusion myocardium ดีขึ้นช่วงเร่ง
    • Fluid overload/Head injuryICP: หัวไปหัวเครื่อง pooling ช่วงขา ลดเสี่ยง ICP peak ระหว่างเร่ง (หลักฐานจำกัด)
  • Buffeting/Turbulence: เร่งสลับเร็ว (ถึง ~3G) เหนื่อย วิตก เจ็บจากการกระแทกหากไม่รัดยึดดี
  • Clear Air Turbulence (CAT): ที่ >30,000 ft, คาดเดายาก ทุกคนต้องรัดเข็มขัด/ยึดตรึง ตลอด

ปฏิบัติ

  • เลือก orientation “หัว–เท้า” ตั้งแต่ก่อนบิน (เปลี่ยนกลางอากาศยาก)
  • ยึดตรึงผู้ป่วย/อุปกรณ์, เก็บของหลวมทั้งหมด

3) Radial Acceleration (+Gz จากการเลี้ยว/เปลี่ยนทิศ)

สรีรวิทยา

  • +Gz คงอยู่ Pใต้หัวใจ VR(venous return) CO คล้ายภาวะ hypovolemia tachycardia & vasoconstriction ชดเชย
  • ในเครื่องลำเลียงโดยสารทั่วไปมักไม่เกิน +2Gz แต่พอทำให้ผู้ป่วยเปราะบางทรุดได้

ความปลอดภัย

  • น้ำหนัก “ทุกสิ่ง” เพิ่มตาม G traction weight/กล่อง/มอนิเตอร์ หนักขึ้น อาจหล่น/กดผู้ป่วย
  • หลีกเลี่ยงการวางสิ่งของบนตัวผู้ป่วย, ล็อกชั้นของ/ราง ให้แน่น

4) Vibration (การสั่นสะเทือน 0.1–40 Hz)

ต่อร่างกาย

  • ความถี่ธรรมชาติ: ศีรษะ ~6 Hz, ปลายแขน ~40 Hz ไม่สบาย/ล้า/มึน/หายใจสั้น/คลื่นไส้
  • รบกวน thermoregulation ทั้ง hyperthermia และ hypothermia แย่ลง

ต่ออุปกรณ์/ท่อสาย

  • รบกวน ECG/IBP/NIBP/SpO/EtCO, สายอาจหลุด; pacemaker แบบ activity-sensing อาจทำงานผิดพลาด

ปฏิบัติ

  • ลดการสัมผัสตรงกับ airframe: ใช้ ที่นอน/หมอนรองซับแรง
  • ตรึงท่อ/สาย ทุกจุด (สองชั้น), เช็กสัญญาณ vital ซ้ำด้วยการสังเกตทางคลินิกเมื่อสัญญาณสั่นไหว
  • รัดเข็มขัดทั้งทีมและผู้ป่วยเมื่อสั่นมาก

5) Noise (เสียงดังต่อเนื่อง)

ผลกระทบ

  • ปวดหู, ปวดศีรษะ, อ่อนล้า, เวียนศีรษะ, ทำงานด้อยลง, ใช้ stethoscope ไม่ได้
  • เฮลิคอปเตอร์/เครื่องทหาร: ต้อง hearing protection (ear plug/ear defender/headset/helmet/ANR [active noise reduction])

ปฏิบัติ

  • เฝ้าระวังโดย เครื่องมือ แทนฟัง: BP (palp/invasive/NIBP), สังเกตการหายใจ, SpO, EtCO
  • ระวัง “cavity effect” ใต้ที่ครอบหู: ไล่อากาศเป็นช่วง ๆ ระหว่างไต่/ลดระดับเพื่อลด barotrauma

6) Motion Sickness (เมาเครื่อง/เมารถ)

พยาธิกำเนิด

  • Sensory conflict theory: ขัดแย้งระหว่างตา–หูชั้นใน (0.1–0.8 Hz กระตุ้นมากสุด)
  • พบบ่อยช่วงปลายวัยเด็ก > ผู้ใหญ่; หญิงมากกว่าชาย; ความกังวล/อากาศอับ/กลิ่น/เห็นคนอาเจียน กระตุ้นได้

อาการ

  • คลื่นไส้/อาเจียน, ซีด, เหงื่อ, ร้อนวูบ, ปวดศีรษะ, เหนื่อยล้า

การป้องกัน/รักษา

  • สิ่งแวดล้อม: เย็นสบาย อากาศถ่ายเท, มองเส้นขอบฟ้า หรือ นอนราบนิ่ง หลับตา ลด conflict
  • ยา: Hyoscine (scopolamine) มีหลักฐานดีที่สุด แต่ทำให้ง่วง (แม้เป็น patch) บุคลากรต้องแน่ใจว่าไม่กระทบการปฏิบัติงาน
  • หลีกเลี่ยงอาหารมัน/อิ่มจัด/น้ำอัดลมก่อนบิน; เลี่ยงอ่านหนังสือระหว่างสั่น

Checklist สั้น ๆ ก่อนขึ้นบิน (Biodynamics-aware)

  • Orientation ผู้ป่วย: เลือก หัวไปหัว/ท้ายเครื่อง ตามสภาพ (หัวใจ/ICP/น้ำเกิน)
  • Restraint: รัดตรึงผู้ป่วย–ทีม–อุปกรณ์ทุกชิ้น (คิดเผื่อ +G)
  • Secure airway/lines: เทปหลายจุด + loop relief; วางอุปกรณ์กันหล่น
  • Vibration plan: ที่นอนซับแรง, ยืนยันจุดยึด incubator/เปล/ชั้น
  • Noise plan: ชุดกันเสียงพร้อม; เปลี่ยนตำแหน่งครอบหูช่วงไต่/ลดระดับ
  • Turbulence/CAT: แจ้งเตือนล่วงหน้า, ห้ามปลดสายรัดขณะ “seat belt on”
  • Motion sickness: ประเมินความเสี่ยง, เตรียม antiemetic/ถุงอาเจียน, จัดท่าลดสิ่งเร้า
  • Redundancy monitoring: เมื่อสัญญาณถูกรบกวน ให้ยืนยันด้วย การสังเกตคลินิก และอุปกรณ์ซ้ำซ้อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น