Helicopter Emergency Medical Service (HEMS)
สรุปเนื้อหาบางส่วนจากการอบรม basic HEMS และหนังสือ HEMS survival
manual (Chris Sharpe) ที่นอกเหนือจากบทความอื่นที่เคยเขียนไว้แล้ว อาทิ
Aeromedical transportation Basic 1/Basic 2/Advanced 1/Advanced 2, Neonatal & pediatric
transport, Survival the wilderness
นอกจากนี้ยังมีบทความที่เกี่ยวเนื่องกัน
เช่น IABP operation during transport, ECMO transportation
อะไรที่ฆ่าเรา
เฮลิคอปเตอร์เป็นยานพาหนะที่ยอดเยี่ยม
เป็นเครื่องจักรที่ซับซ้อน แต่ก็อาจมีอันตรายอย่างยิ่ง เช่น จากใบพัดที่หมุนด้วยความเร็วเกิน
150 ไมล์ต่อชั่วโมง เครื่องอาจจะขัดข้องและจำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉิน ซึ่งทำให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเอาชีวิตรอด
รวมถึงการดูแลผู้ป่วยในภาคสนามเป็นระยะเวลายาวนาน
เฮลิคอปเตอร์เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์
แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ในทุกสถานการณ์ ก่อนที่จะขอเฮลิคอปเตอร์ออกไปช่วยเหลือ ให้แน่ใจว่าคุณได้พิจารณาประโยชน์และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
และการตัดสินใจของคุณไม่ได้เกิดจากความตื่นเต้นชั่ววูบ
ทีมเฮลิคอปเตอร์มักจะตัดสินใจผิดพลาดด้วยการ
"ฝืน" บินในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยบาดเจ็บที่ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต
ซึ่งสามารถจัดการได้ด้วยวิธีอื่นได้ ตัวเลือกในการเลื่อนภารกิจเพื่อรอสภาพการบินที่ปลอดภัยกว่านั้น
กลับถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง
การจัดการความเสี่ยง
การปฏิบัติการของเฮลิคอปเตอร์มีอันตรายอย่างยิ่ง
เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก (~ 20-50%) โดยปัจจัยที่เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ คือ ปัจจัยจากมนุษย์ (human error
68%, weather 30%, mechanical 25%, controlled flight into terrain 20%) โดยความเหนื่อยล้า (fatigue) มักถูกระบุว่าเป็น 'เป็นตัวเร่ง (catalyst)' ที่ทำให้มนุษย์ตัดสินใจหรือทำผิดพลาด
ปัจจัยหลักๆที่ทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า
สามารถสรุปเป็นตัวย่อว่า ‘I.M.S.A.F.E’
· Illness ความเจ็บป่วย เช่น ถ้าเราเป็นหวัด จมูกเราอาจจะตัน ทำให้เราเคลียร์หูไม่ได้ ซึ่งทำให้เราไม่มีสมาธิกับการทำงาน
·
Medication
– FAR 19.17 (กฎหมายการเดินอากาศของประเทศสหรัฐ) ห้ามใช้ยาที่ส่งผลต่อความสามารถทางด้านร่างกายหรือจิตใจ ทำให้มีผลต่อความปลอดภัย
เช่น tranquilizers, antidepressant (บางตัวใช้ได้),
opioid, muscle relaxants, anticholinergic, sedating antihistamines,
antipsychotic, และรวมถึงยาสมุนไพรบางตัว ดูรายการยาได้ใน FAA
website
·
Stress
คือ การทำงานที่หนักเกินไป ไม่ได้หมายถึง ความเครียดจากการทำงาน
·
Alcohol
ตาม FAR 19.17 ไม่ให้ทำการบินถ้าดื่มแอลกอฮอล์มาภายใน
8 ชม. (หลายบริษัทกำหนดไว้ที่ 12
ชม.) หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ หรือ
มี alcohol > 0.4 g (ต่อ dL ในเลือด
หรือ ต่อ 210 ลิตรของลมหายใจ)
·
Fatigue
ต้องมีวิธีจัดการกับความเหนื่อยล้าที่เหมาะสม เช่น
ทั้งการกินอาหารที่สมดุล เลือกกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนแทนน้ำตาลเชิงเดี่ยว
ดื่มน้ำให้เพียงพอ การนอนหลับให้ครบ 8 ชม. การมีสุขนิสัยที่ดีในการนอน การมีกิจกรรมทางกาย พูดคุยกับคนอื่น
เพื่อให้ตื่นตัวเวลาทำงาน หรือการงีบหลับ (ไม่เกิน 45
นาที) ทำให้ทำงานได้ดีขึ้น
·
Eat ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น
การอดหรือการกินที่ไม่ดีส่งผลต่อการตัดสินใจ
จากที่กล่าวข้างต้นว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยจากมนุษย์
หนึ่งในนั้น คือ การสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพ จึงเกิดหลักปฏิบัติหลายอย่างที่ช่วยป้องกันสาเหตุจากปัจจัยนี้
เช่น Crew monitoring (ลูกเรือคอยมองว่าคนอื่นปฏิบัติถูกต้องหรือไม่
คล้ายกับการ cross-checking แต่ไม่ได้พูดออกมาและไม่ได้เป็นทางการ),
Dual decision-making (นักบินและลูกเรือหารือกันก่อนจะปฏิบัติการณ์ใดๆ),
Pre- และ Post-flight briefing, Closed loop communication,
Sterile cockpit (การที่ลูกเรือห้ามทำหรือพูดอะไรที่ไม่จำเป็นในช่วง
critical phase เช่น
take-off, landing, taxing แต่จำเป็นต้องสื่อสารถ้าเกี่ยวพันกับความปลอดภัย)
มาตรฐานอุปกรณ์
อุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้บนเฮลิคอปเตอร์ ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับการเคลื่อนย้ายโดยเฉพาะ
มีน้ำหนักเบา มีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นาน
มีสัญญาณเตือนทั้งในรูปแบบเสียงและแสง และผ่านการรับรองมาตรฐาน ได้แก่
·
CE Mark (EU standard): EN
13718-1/2 (technical requirement); EN 60601-1 (safety requirement), EN
60601-2-4 (cardiac defibrillator)
·
RTCA DO-160 G (US standard) จะมีการทดสอบ 26 sections + 3 appendices เช่น ทดสอบ
vibration, power input, radiofrequency susceptibility, electrostatic
discharge
·
MIL-STD-810 G (military
standard) จะเน้นการทดสอบผลของสิ่งแวดล้อมต่อเครื่อง
ซึ่งมาตรฐานนี้ก็นำมาใช้ในนอกงานทหารด้วย
แบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์
จะถูกจัดเป็นกลุ่ม miscellaneous หรือ กลุ่มที่ 9 ตาม Dangerous Goods Regulations (DGR) ของ IATA
(แนะนำให้ดูประเภทของ battery ที่ใช้และจำนวน watt-hour)
ข้อแนะนำ
·
อุปกรณ์การแพทย์ที่จะนำไปใช้
ผู้ปฏิบัติงานต้องตรวจเช็คเอง และเลือกอุปกรณ์ที่รู้วิธีใช้
ถ้าต้องใช้แบตเตอรี่ควรนำแบตเตอรี่สำรองไปด้วย
อุปกรณ์ต้องถูกบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ (อย่างน้อยปีละครั้ง)
·
การคำนวนแบตเตอรี่ให้คิดแค่ 75%
ของ capacity
·
การติด monitor
ECG ให้เปิดไว้ 2 tracing เสมอ เพราะมี vibration
artifact เกิดขึ้นเสมอ
ตัวอย่างอุปกรณ์ที่แนะนำ เช่น
·
BP cuff ทุกขนาด,
ear lobe oxygen probe, handheld pulse oximeter, EtCO2,
automated CPR, PEEP value, close suction system, HME filter, MDI nebulizer
·
Guage ที่หัวถัง oxygen
แนะนำเป็น PIN-YOKE type (CGA-870) หรือ BALL-NUT
type (CGA-540) เพราะล้มแล้วไม่พัง
·
Quick connector สำหรับ
ventilator ตอนเปลี่ยนถัง oxygen
·
Monitor + Defibrillator เช่น Zoll X series
·
Ventilator เช่น Hamilton
T1, Neopuff
·
Infusion pump/syringe pump ที่สามารถต่อกันเป็นชั้นๆได้เพื่อประหยัดพื้นที่
·
Portable suction (Weinmann:
Accuvac®; Zoll: 330 Aspirator; Laerdal: LCSU-4; Spenser: Jet Wire)
·
Portable US
·
Emergency pneumothorax set (+
Heimlich value, Atrium®)
·
Portable lab analysis (iSTAT®,
epoc®)
การคำนวณ oxygen ที่ต้องใช้ให้คิด worst case scenario คือ ต้อง CPR เพราะฉะนั้นให้คิดว่าต้องใช้ oxygen 15 LPM ตลอดเวลา
และคำนวณเวลาที่ต้องใช้เป็น 2 เท่าของเวลาในการเดินทางปกติ =
15 LPM x ระยะเวลาเดินทาง x 2 เท่า
·
ถัง aluminum
คิดโดย (PSI – 200) x tank factor = จำนวน Liters
ของ oxygen
นำมาจาก https://www.omnicalculator.com/other/oxygen-tank-duration |
·
ถังเหล็ก ต้องดู water
capacity ที่ตัวถัง แล้วนำมาคำนวณ P1V1
= P2V2 คือ (PSI – 200) x water
capacity = 14.69 x ปริมาตร gas ที่ต้องใช้จากการคำนวณ
**14.69 คือ แรงดันบรรยากาศของแก๊ส; 200 คือ แรงดันที่ปล่อยให้ค้างอยู่ในถังเพื่อป้องกันความชื้นเข้าไปในตัวถัง
แต่เมื่อจำเป็นสามารถใช้ได้จนหมด
เมื่อไหร่ถึงจะใช้เฮลิคอปเตอร์
ให้พิจารณาจาก
ความยากง่ายและระยะเวลาในการเคลื่อนย้ายด้วยวิธีปกติ ความปลอดภัยของทีมและผู้ป่วย
ความรุนแรงของอาการเจ็บป่วย/บาดเจ็บ
สภาพอากาศในขณะนี้และในอนาคต ความพร้อมของทีมและอากาศยาน และระยะเวลาเดินทางไปยังโรงพยาบาลปลายทาง
เกณฑ์วิธีการและแนวทางปฏิบัติการร้องขออากาศยานและชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ
1. มีแพทย์อำนวยการปฏิบัติการฉุกเฉินหรือแพทย์ที่รักษาผู้ป่วย
พิจารณาแล้วให้การรับรองว่าการลำเลียงส่งต่อ หรือ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยอากาศยานจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันการเสียชีวิตหรืออาการรุนแรงขึ้น
ของการเจ็บป่วยของผู้ป่วยฉุกเฉินนั้น
2. เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติหรือฉุกเฉินเร่งด่วนที่เกินขีดความสามารถของหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินหรือสถานพยาบาลและหากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือมีอาการรุนแรงขึ้น
โดยให้คำนึงถึงสภาพพื้นที่ที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือพื้นที่ประสบภัย
หรือพื้นที่เสี่ยงภัยอันตราย
3. การลำเลียงยาหรือเวชภัณฑ์
รวมถึงบุคคลากรทางการแพทย์เพื่อการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร
พื้นที่ประสบภัย หรือพื้นที่เสี่ยงภัยอันตราย
4. การขนย้ายอวัยวะหรือชิ้นส่วนมนุษย์เพื่อการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน
ขั้นตอนการขอใช้อากาศยาน (คร่าวๆ)
·
โรงพยาบาลต้นทางให้ร้องขอการใช้อากาศยานไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการจังหวัด (1669) ส่งทาง Line
·
1669
จะรายงานต่อไปยังแพทย์อำนวยการปฏิบัติการฉุกเฉินระดับพื้นที่ (พอป.) ถ้า พอป. เห็นว่าเหมาะสม
ทาง 1669 จะรวบรวมข้อมูลผู้ป่วย ประสานศูนย์นเรนทร ประสานหน่วยปฏิบัติการแพทย์
ประสานหน่วยสนับสนุนอากาศยานในพื้นที่ ประสานจุดขึ้น-ลงอากาศยาน
ประสานโรงพยาบาลต้นทางและปลายทาง และกรอกแบบฟอร์มการขอใช้อากาศยานส่งต่อผู้ป่วย (HEM
1/1), แบบฟอร์มการประเมินผู้ป่วยและปรึกษาทางการแพทย์ก่อนบิน
(HEM 1/2), แบบบันทึกอาการผู้ป่วยขณะโดยสารอากาศยาน (HEM
2/1), หนังสือแสดงความยินยอมรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
ส่งให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน
·
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน ศูนย์นเรนทร จะตรวจสอบแบบฟอร์ม ประสานแพทย์อำนวยการปฏิบัติการฉุกเฉินระดับชาติ
แล้วเสนอต่อเลขาสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินพิจารณาอนุมัติ
และประสานอากาศยานจากหน่วยสนับสนุนอากาศยานตามข้อตกลง
·
หน่วยสนับสนุนอากาศยาน นำเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่ออนุมัติ ประสานมายังศูนย์นเรนทร
Aircraft weight and Balance เครื่องเฮลิคอปเตอร์บินได้ด้วยแรงยกจากจุดๆเดียวใต้ใบพัด
(rotor mast) ถ้าน้ำหนักรวมของเครื่องเกินกำหนด
และมีความไม่สมดุลของน้ำหนักจะทำให้นักบินควบคุมเครื่องได้ยาก
เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้น้ำหนักรวมเกิน (maximum gross weight) นักบินจึงต้องคำนวณน้ำหนักที่บรรทุกได้ก่อนปฏิบัติการณ์ คือ
รู้น้ำหนักของอุปกรณ์ที่จะนำไป (ให้ติดน้ำหนักไว้ด้านนอกให้เห็นได้ชัด)
รู้น้ำหนักของลูกเรือ น้ำหนักผู้ป่วย สัมภาระ และน้ำหนักเชื้อเพลิง
Checklists: แม้คนที่ทำงานมานานก็ยังต้องใช้
checklist ได้แก่ รายการยาและอุปกรณ์
แบบประเมินตนเองก่อนปฏิบัติการ
Post mission
หลังปฏิบัติภารกิจควรจะต้อง ‘Hot
De-brief’ เพื่อทำการ feedback การทำงานของแต่ละคน
ทำการค้นหาข้อบกพร่อง เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้
ด้วยวัฒนธรรมที่ให้เกียรติและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน (‘No blame/ No ego’)
อาจทำการ review ไปตาม ‘TSMEACS’
การจัดการทรัพยากรให้คำนึงถึงความปลอดภัยแบบเกินๆไว้ดีกว่าแบบพอดี
และ วิเคราะห์ risk-benefit อย่างรอบด้านก่อนใช้อากาศยาน
การเอาชีวิตรอด
เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น อากาศยานตก
หรือต้องลงจอดฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกล
เราต้องเอาชีวิตรอดจนกว่าทีมค้นหาและกู้ภัยจะมาถึง จากการศึกษาผู้ที่รอดชีวิตพบว่าเกิดจากปัจจัยต่างๆ
คือ
- การมีจิตใจที่พร้อม
- การมีสภาพร่างกายที่ดี
- การมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เหมาะสม
(และรู้วิธีใช้)
- การมีเสื้อผ้าที่เหมาะกับการเอาชีวิตรอด
- ความคุ้นเคยกับขั้นตอนปฏิบัติในภาวะฉุกเฉิน
ซึ่งสิ่งสำคัญอันดับแรก ก็คือจิตใจ ได้แก่ การมีความกล้าหาญ
(ในการเผชิญกับอุปสรรคและความกลัว) ความมุ่งมั่น
(อย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอด)
ความสดชื่นและการมีอารมณ์ขัน (แม้ในสถานการณ์ที่เคร่งเครียด) การมองโลกในแง่ดี การกำหนดเป้าหมาย (ทั้งระยะสั้นและระยะยาว) เพื่อให้สมาชิกในทีมมีจุดมุ่งหมาย
ซึ่งช่วยเสริมให้มีปณิธานการมีชีวิตอยู่ ทำให้สมาชิกทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต
ลำดับความสำคัญของการรอดชีวิต
สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ตายจากเร็วไปช้า ตาม “Rule
of Threes” คือ การตัดสินใจแย่ๆ (3 วินาที)
ออกซิเจน (3 นาที)
อุณหภูมิ (3 ชม.) น้ำ (3 วัน) อาหาร (3 สัปดาห์)
ขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ “ECIT
WE SAFE”
·
Exit: ออกจากอากาศยาน
(ต้องรู้วิธี) และรวมพลที่ตำแหน่ง 12:00
และเหนือลม
·
Calm: ตั้งสติ
ใช้ความคิด
·
Injury: ประเมินการบาดเจ็บ
·
Thermoregulator: ที่อากาศหนาวให้รักษาความอบอุ่น ทำตัวให้แห้ง ที่อากาศร้อนให้เข้าร่ม
อยู่ในที่อากาศถ่ายเท
·
Water and food: หาน้ำ
(ทำน้ำให้สะอาดด้วย Aquatabs, water filter, boil
5-10 min [+ 1 min q 1000 ft]) ตามด้วยอาหาร
·
Environment: ประเมินสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิประเทศ
·
Shelter, Signal: สร้างที่พัก และส่งสัญญาน (เช่น นกหวีด กระจกเงา emergency
locator transmitter) ทำสัญลักษณ์ที่ไม่มีในธรรมชาติซึ่งทำให้สังเกตได้ง่าย
เช่น มุมฉาก เส้นตรง
·
And
·
Fire: จุดไฟ
·
Evaluation: ประเมินเวลาที่คาดว่าทีมกู้ภัยจะมาถึง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น