History of Aeromedical Transport (ประวัติการขนย้ายผู้ป่วยทางการบิน)
1. จุดเริ่มต้นของการบินและการแพทย์ทางอากาศ
(Early Beginnings)
- แนวคิดการบินเริ่มจากตำนาน (Icarus, Chinese Emperor Shun) → มาสู่ความจริงเมื่อปี
1783 (Montgolfier balloon)
- 1903:
Wright Brothers บินเครื่องบินหนักกว่าอากาศสำเร็จ → เป็นจุดเริ่มต้นยุคการบินสมัยใหม่
- การใช้เครื่องบินกับผู้ป่วยเริ่มถูกคิดในสงคราม แม้ช่วง Franco-Prussian
War (1870) จะไม่มีหลักฐานว่าเคยขนย้ายผู้บาดเจ็บจริง
2. จุดเริ่มต้นของ Aeromedical
Transport ที่มีหลักฐานชัดเจน
|
ปี / ช่วงเวลา |
เหตุการณ์สำคัญ |
|
1914–1918 (WWI) |
มีการขนส่งผู้บาดเจ็บครั้งแรกด้วยเครื่องบิน
(Serbian soldiers ใน French aircraft) |
|
1916–1917 |
Dr. Chassaing พัฒนาเครื่องบินดัดแปลงใส่เตียงนอนได้
2 เตียง ใช้อพยพผู้บาดเจ็บจาก Amiens |
|
1917 |
British Army บินผู้บาดเจ็บในตุรกี
ลดเวลาขนส่งจาก 3 วันเหลือ 45 นาที |
|
1928 |
Reverend John Flynn จัดตั้ง Aerial Medical Service – Australia (ต่อมาคือ Royal Flying Doctor Service) เป็นระบบแพทย์ทางอากาศพลเรือนที่จัดตั้งอย่างเป็นทางการแห่งแรกของโลก |
3. พัฒนาการยุคสงคราม (Military
Aeromedical Evolution)
ระหว่าง WWI – WWII → Cold War
- การขนส่งผู้บาดเจ็บด้วย Fixed-wing airplane เริ่มมีระบบมากขึ้น
- WWII:
มีการตั้งหน่วย Medical Air Ambulance Squadron และฝึก Flight Nurses
- เครื่องบิน C-47 และ C-54 ใช้ขนส่งทหารบาดเจ็บจำนวนมากกว่า 1 ล้านนายกลับสหรัฐฯ
- เกิดการขยายระบบ CASEVAC → MEDEVAC
4. Helicopter Era – จุดเปลี่ยนของ Aeromedical
Transport
|
สงคราม |
บทบาทของเฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ |
|
WWII ช่วงท้าย |
ใช้เฮลิคอปเตอร์ครั้งแรกช่วยทหารบาดเจ็บในพม่า
(Burma) 1944–1945 |
|
Korean War |
ใช้ Bell
47 / Sikorsky S-51 ลำเลียงผู้บาดเจ็บจากแนวหน้า → MASH
units |
|
Vietnam War |
จุดเปลี่ยนชัดที่สุด
– Operation Dustoff, Helicopter “Huey” (UH-1) ขนย้าย
>400,000 ราย → แนวคิด “Scoop and Run” |
➡ ผลลัพธ์:
ลดอัตราการเสียชีวิตจากบาดเจ็บในสนามรบอย่างมีนัยสำคัญ
5. Civilian Aeromedical Systems (ยุคพลเรือน)
- 1950s:
การถ่ายทอดข่าวสงครามผ่านทีวีทำให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของ
Helicopter EMS
- 1951: การช่วยชีวิตบนยอดโบสถ์ St. John’s Cathedral ในนิวยอร์ก
เป็นเหตุการณ์พลเรือนครั้งแรกที่โด่งดัง
- 1952: Swiss
Rega — หน่วยช่วยชีวิตทางอากาศพลเรือนยุโรปแห่งแรก
- 1963–1969:
เกิดระบบ HELP (USA) และ Maryland
State Police Medevac
- 1970s:
เยอรมนีจัดตั้ง ADAC เครือข่าย HEMS
ระดับประเทศ
- 1972:
Saint Anthony Hospital (เดนเวอร์) ก่อตั้ง Flight
for Life — Hospital-based HEMS แห่งแรก
- 1980s:
HEMS ขยายทั่วโลก เพิ่มบทบาททาง Neonatal, Cardiac,
Obstetric, Interhospital transfer
6. Fixed-wing Aeromedical Transport (เครื่องบิน)
- เติบโตคู่กับการท่องเที่ยวและประกันสุขภาพระหว่างประเทศ
- ใช้สำหรับ long-distance transport / repatriation /
ICU-to-ICU transfer
- มีบริษัทเฉพาะด้าน เช่น air ambulance services, travel
insurance medical assistance
- ใช้เครื่องบิน Jet เช่น Learjet,
Gulfstream ดัดแปลงติด ICU equipment, ventilator,
monitor
7. สรุป Key Concepts
|
ประเด็น |
ความสำคัญ |
|
Casevac vs Medevac |
Casevac = ไม่มีทีมแพทย์/อุปกรณ์ครบ / Medevac
= มีระบบการแพทย์เต็มรูปแบบบนอากาศ |
|
Helicopter |
เหมาะระยะสั้น-เข้าถึงพื้นที่ยาก (scene to hospital) |
|
Fixed-wing |
เหมาะระยะไกล ข้ามประเทศ / ICU transfer |
|
Flight Nurse / Flight Physician |
เริ่มตั้งแต่ WWII และพัฒนาจนเป็นสาขาเฉพาะของ Critical
Care Transport |
|
Scoop and Run |
ลด prehospital time → ลด morbidity/mortality โดยเฉพาะ trauma |
ประวัติศาสตร์การขนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในประเทศไทย (Thailand Aeromedical Transport)
ยุคกำเนิด (ทหารเป็นเจ้าภาพหลัก)
- หลังสงครามโลกและความทันสมัยของกองทัพอากาศไทย (กอ.ทอ.)
การลำเลียงผู้ป่วย/บาดเจ็บโดยอากาศยานเริ่มต้นในบริบท “ทหาร” มากว่า 60
ปี (ระบุในงานวิจัยสรุปภาพรวม) โดยเฉพาะเครื่องบินลำเลียงแบบ C-130H
ของกองบิน 6/ฝูงบิน 601 ที่ถูกใช้ในภารกิจช่วยเหลือภัยพิบัติและติดตั้งเปล/โมดูลเวชกรรมบินได้ตามภารกิจสนับสนุนพลเรือน (Thai
Science)
ยุคเอกชนเริ่มให้บริการ HEMS/FW Air
Ambulance
- พ.ศ. 2550 (2007): BDMS Sky ICU เปิดให้บริการ
HEMS เชิงเอกชนรายแรกของไทย โดยบริษัท Bangkok
Helicopter Services (BHS) ร่วมกับเครือ รพ.กรุงเทพ
ใช้เฮลิคอปเตอร์ EC145 ปฏิบัติการ 24/7
(VFR/IFR) ครอบคลุมไทยและภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Thai
Science)
- เครือ BDMS และผู้ให้บริการไทย เช่น MJets
พัฒนาเครือข่าย fixed-wing air ambulance
(bed-to-bed, ICU transport/ECMO transport) และได้รับการรับรอง/ยกระดับมาตรฐานสากลต่อเนื่อง
(เช่น EURAMI ในบางบริการ) (Bangkok Hospital)
ยุค Public HEMS / Thai Sky Doctor (สพฉ.)
- กฎหมายกำกับ EMS สมัยใหม่เริ่มชัดเจนหลัง พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน
พ.ศ. 2551 และหมายเลขฉุกเฉิน 1669
(ศูนย์นเรนทร) เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของระบบก่อนเกิด Thai
Sky Doctor (Thai
Science)
- พ.ศ. 2552–2553 เป็นต้นมา: สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
(สพฉ.)/NIEMS ริเริ่ม “Thai Sky
Doctor (TSDS)” ในพื้นที่ทุรกันดาร (นำร่อง แม่ฮ่องสอน)
ด้วยนโยบายบูรณาการข้ามหน่วยงาน (สธ., สปสช.,
กห. – ทบ./ทอ./ทร., ตร., ทส., เกษตรฯ, เอกชน เช่น BDMS
และ Kan Air) ผ่าน MOU เพื่อให้คนไข้อาการวิกฤตเข้าถึงการส่งต่อเร็วขึ้น ผลการศึกษาแรก ๆ
สรุปภาพรวม 2010–2015: มีคำขอ 205 ภารกิจ ขนย้ายจริง 184 ราย
ปัจจัยจำกัดคืออากาศ/อากาศยานไม่พร้อม ฯลฯ (Thai
Science)
- ต่อมา สพฉ.ขยายการฝึกอบรมบุคลากร Basic HEMS Course และประกาศเดินหน้านโยบาย Sky Doctor ทั่วประเทศ
(ข่าวปี 2566) (niems.go.th)
เหตุการณ์/บทเรียนเด่นในพื้นที่ไทย
- เฮลิคอปเตอร์การแพทย์ของเอกชน (BHS/“Sky ICU”) มีบทบาททั้ง
HEMS และสนับสนุนบรรเทาสาธารณภัย (เช่น
บินส่งเวชภัณฑ์/อพยพผู้ป่วยช่วงน้ำท่วมใหญ่)
สื่ออุตสาหกรรมเฮลิคอปเตอร์ระบุว่าบริการ EMS เฮลิคอปเตอร์ที่ติดตั้งครบในไทยเริ่มต้นจริงจังตั้งแต่ปี
2007 และถูกใช้งานต่อเนื่องในภารกิจสาธารณภัยระดับภูมิภาคด้วย
(verticalmag.com)
- ด้าน “การลำเลียงไกลระยะทาง” (inter-facility, cross-border) ผู้ให้บริการ fixed-wing ไทย (เช่น MJets)
และโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในกรุงเทพฯ รับบทหลักในการ repatriation/ICU-to-ICU
ภูมิภาคเอเชีย (MJets)
โครงสร้างสถาบันและโมเดลการปฏิบัติ
- โมเดลทหาร: ทอ./ทบ./ตร. สนับสนุนอากาศยาน (C-130H,
ฮ.หลากแบบ)
และลูกเรือ/ช่างอากาศยาน—บูรณาการกับแพทย์–พยาบาลจากโรงพยาบาลทหารและเครือข่าย
EMS จังหวัด เมื่อมีเหตุภัยพิบัติ/ฉุกเฉินพิเศษ (เช่น
เคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤต, ลำเลียงอวัยวะ, mass
casualty) (www.thairath.co.th)
- โมเดลเอกชน (HEMS/FW): เครือ BDMS
(BHS/“Sky ICU”) และผู้ให้บริการอากาศยานธุรกิจ (เช่น MJets)
ให้บริการเชิงการค้า/ประกันภัย ครอบคลุม HEMS, commercial
medical escort, fixed-wing ICU (รวมเคลื่อนย้าย ECMO
ในบางภารกิจ) (Thai
Science)
- โมเดลสาธารณะ (Thai Sky Doctor): ขับเคลื่อนโดย
สพฉ. ใช้เฮลิคอปเตอร์/เครื่องบินของรัฐและพันธมิตรเอกชนตาม MOU, ศูนย์สั่งการ 1669 คัดกรองความเร่งด่วนและเลือกวิธีลำเลียง
(primary/secondary missions) โดยมีเกณฑ์ข้อบ่งชี้และมาตรฐานความปลอดภัยการบิน/เวชปฏิบัติร่วมกัน
(Thai
Science)
หมุดหมายสมัยใหม่
- การพัฒนามาตรฐาน/หลักสูตร: สพฉ.จัด Basic
HEMS Course สร้างกำลังคนเฉพาะทางทั่วประเทศ; มีการสื่อสาร/ประชุมวิชาการต่อเนื่อง (เช่น International
HEMS Conference 2025 ในไทย) สะท้อนการยกระดับบทบาท HEMS
เชิงระบบ (niems.go.th)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น