Adolescent Relationship Abuse (ARA)
1. นิยามและประเภทของ ARA
นิยาม
Adolescent relationship abuse (ARA) = พฤติกรรมทำร้าย ควบคุม
หรือเอาเปรียบในความสัมพันธ์เชิงโรแมนติก/เพศสัมพันธ์
ในช่วงวัยก่อนวัยรุ่น–วัยรุ่น–วัยผู้ใหญ่ตอนต้น โดยอาจเกิด:
- ต่อหน้า (in person)
- ผ่านออนไลน์/ข้อความ (texting, social media, chat)
- ผ่านบุคคลที่สาม (เช่น เพื่อนส่งคำขู่แทน)
คำอื่นที่ใช้คล้ายกัน: teen dating
violence, adolescent dating violence แต่คำว่า ARA
กว้างกว่า เพราะ
- ครอบคลุมตั้งแต่ preteen ถึง young
adult
- ไม่จำกัดแค่ “กำลังคบ” หรือ “dating”
- รวมพฤติกรรมควบคุม/บงการ แม้ไม่ใช้ความรุนแรงทางกาย
ประเภทหลัก
1.
Physical abuse
o ขู่ใช้หรือใช้ความรุนแรงทางกาย: ตบ ชก เตะ ถีบ บีบคอ ผลัก ลาก
ต่อยด้วยของแข็ง ฯลฯ
2.
Sexual abuse
o การสัมผัสทางเพศโดยไม่ได้ยินยอม
o บังคับ/ข่มขู่ให้มีเพศสัมพันธ์หรือกิจกรรมทางเพศที่ไม่ต้องการ
3.
Psychological / Emotional abuse
o Isolation:
ตัดขาดจากเพื่อน/ครอบครัว, หึงหวงเกินเหตุ,
คอยตามดูว่าอยู่ที่ไหนกับใคร, เช็กมือถือ/โซเชียล
o Humiliation:
ทำให้รู้สึกผิด โทษเหยื่อว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ
o Intimidation:
ข่มขู่ ทำให้กลัว ทำลายสัตว์เลี้ยง/ทรัพย์สิน ใช้คำพูดรุนแรง
o Coercion:
ขู่ทำร้ายตัวเองหรือคู่หากจะเลิก/ไม่ยอม, กดดันให้ส่งรูปโป๊/เปลือย
4.
Bilateral / Reciprocal violence
o ทั้งสองฝ่ายเป็นทั้งผู้ถูกกระทำและผู้กระทำ (ใช้ความรุนแรงทั้งคู่)
5.
Reproductive coercion
o กดดันให้ตั้งครรภ์
o บังคับให้ทำแท้งหรือบังคับให้ตั้งครรภ์ต่อ
o ทำลาย/แอบทิ้ง/ขัดขวางการใช้คุมกำเนิด
o เจาะถุงยาง แอบถอดถุงยาง ข่มขู่ไม่ใส่ถุงยาง
6.
Cyber dating abuse
o ใช้ดิจิทัล (ข้อความ, social media, chat) ในการคุกคาม
ควบคุม สอดแนม ประจาน หรือข่มขู่
o มักพบร่วมกับการใช้ความรุนแรง/บีบบังคับรูปแบบอื่น
7.
Economic abuse
o พฤติกรรมที่กระทบการเรียน การทำงาน หรือสถานะการเงิน เช่น
ขัดขวางไม่ให้ไปเรียน/ทำงาน ควบคุมเงิน ฯลฯ
2. ระบาดวิทยา (Epidemiology)
- ความชุกของ physical/sexual adolescent dating violence
สูงขึ้นตามอายุและพีคใน young adulthood
- ความชุกแตกต่างตามเชื้อชาติ/ชาติพันธุ์ (เช่น American
Indian/Alaska Native สูงกว่า Asian youth)
ตัวอย่างข้อมูลจากการสำรวจนักเรียนมัธยม
- ~8% ถูกทำร้ายทางกายโดยคนที่คบหาภายใน 1 ปีที่ผ่านมา
- ~10% ถูกบังคับให้ทำ “sexual things” โดยคนที่คบหาภายใน
1 ปี
- หญิงรายงานทั้ง physical+sexual dating violence สูงกว่าชายอย่างมีนัยสำคัญ
กลุ่ม sexual / gender minority
- เยาวชนที่ระบุอัตลักษณ์เป็น gay, lesbian, bisexual หรือ “not sure” มีอัตรา physical และ sexual dating violence สูงกว่า heterosexual
อย่างชัดเจน
- เยาวชน transgender / gender–expansive มีอัตรา
physical และ psychological dating violence
สูงกว่าชาย/หญิงที่ระบุเพศชัดเจน
Cyber dating abuse
- พบได้สูง (บางการศึกษา ~30–40% ของผู้ที่มีประวัติคบหาดูใจ)
- มักพบร่วมกับ coercion/violence แบบอื่น
Reproductive coercion
- ในหญิงมัธยมที่มีเพศสัมพันธ์ ประมาณ ~10–15% รายงานว่าถูกบังคับ/แทรกแซงด้านการสืบพันธุ์ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
Age at first IPV
- สัดส่วนใหญ่ของผู้ใหญ่ที่เป็นเหยื่อ IPV เริ่มถูกกระทำตั้งแต่ก่อนอายุ
25 ปี และจำนวนมากก่อนอายุ 18 ปี
- ความรุนแรงในวัยรุ่นสัมพันธ์กับการเกิด IPV ซ้ำในวัยผู้ใหญ่
Public health emergencies (เช่น COVID-19)
- ความชุกและความรุนแรงของ partner-directed violence มักเพิ่มขึ้น และผลกระทบต่อเนื่องหลังวิกฤต
3. ปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยปกป้อง
3.1 Risk factors – ปัจจัยเสี่ยงของ ARA
victimization
- ประวัติถูกทำร้ายทางกาย/ทางเพศในวัยเด็ก
- เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เร็ว
- เริ่มมีเพศสัมพันธ์เร็ว
- การใช้สารเสพติด (แอลกอฮอล์, marijuana, misuse prescription
drugs)
- การตั้งครรภ์และช่วง postpartum โดยเฉพาะ 3
เดือนแรก (ทั้งเหยื่อและผู้กระทำอาจเป็นวัยรุ่น)
- Sexting,
การแลกเปลี่ยนภาพโป๊/ยั่วยุทางเพศ
- Sexual
minority / Gender minority status
- สถานะเศรษฐกิจสังคมเสียเปรียบ, การเหยียดเชื้อชาติ
- อยู่ในระบบคุ้มครองเด็ก / foster care / group home
- เกี่ยวข้องกับ juvenile justice system
- เยาวชนไร้บ้าน (เพิ่มความเสี่ยง sexual exploitation)
- มีคู่คบที่เป็น gang-affiliated, ทัศนคติเรื่องบทบาทเพศที่ไม่เท่าเทียม
สนับสนุนความรุนแรงหรือ sexual dominance
- การติดเชื้อ HIV ตั้งแต่กำเนิด
- มีประสบการณ์ ARA รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง → เพิ่มโอกาสเจอรูปแบบอื่นร่วม
3.2 Protective factors – ปัจจัยปกป้อง
- การเข้าร่วม program ป้องกัน/early
intervention
- ความรู้เรื่อง sexual consent และทักษะการสื่อสารเรื่องความต้องการและการยินยอม
- Positive
parenting – การเลี้ยงดูที่อบอุ่น มีขอบเขตชัดเจน
วินัยสม่ำเสมอ
- Prosocial
peers – มีกลุ่มเพื่อน/กิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น ชมรม อาสาสมัคร
กลุ่มศาสนา
- การสนับสนุนจากครอบครัวและโรงเรียน, ความผูกพันกับผู้ใหญ่ที่เชื่อถือได้ในโรงเรียน
4. ผลกระทบต่อสุขภาพ
4.1 Sexual health
การถูก ARA ทำให้เสี่ยง:
- Unintended/unwanted
pregnancy
- STIs/HIV
- ปัญหาทางนรีเวช เช่น pelvic pain, endometriosis, menstrual
problems
- ไม่สามารถต่อรองการใช้ถุงยาง/คุมกำเนิด
- Reproductive
coercion → ถูกบังคับให้ตั้งครรภ์หรือทำแท้ง → ลดการเข้าถึงการทำแท้งที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย
- ส่งผลระยะยาวต่อความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ทางเพศที่ปลอดภัยในอนาคต
4.2 Mental health / Education
สัมพันธ์กับ:
- Depression,
anxiety, PTSD, suicidality
- Substance
use (รวมถึงการถูกใช้สารเสพติดเป็นเครื่องมือควบคุม)
- Disordered
eating
- Somatic
symptoms เรื้อรัง (headache, fatigue, sleep
disturbance, dizziness, pelvic pain)
- ผลการเรียนตก, school absenteeism, drop-out
- ความเสี่ยงฆ่าตัวตายสูงเป็นพิเศษใน sexual minoritized youth
4.3 General physical health
- FEAR/Stress
เรื้อรัง → เพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรังอื่น
- โรคประจำตัว (asthma, diabetes ฯลฯ) ควบคุมแย่
เพราะเข้าไม่ถึงการรักษา
- Physical
injuries: ฟกช้ำ กระดูกหัก บาดเจ็บศีรษะ คอ แขน มือ ขา ฯลฯ
- Head
trauma → chronic
headache, dizziness, memory problems, frequent falls
- อัตรา adolescent intimate partner homicide: เหยื่อส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง
5. Warning signs ที่ควรนึกถึง ARA
ไม่มีอาการใดอันเดียวที่จำเพาะ
แต่การพบหลายข้อร่วมกันควรกระตุ้นให้สงสัย:
- อาการบาดเจ็บไม่สอดคล้องกับ history หรือมีซ้ำๆ
- Chronic
nonspecific complaints: ปวดหัว นอนไม่หลับ ปวดท้อง อ่อนเพลีย
- Depression,
anxiety, suicidality
- Substance
use / misuse prescription drugs
- มารับบริการบ่อยเพื่อ pregnancy test, STI test, emergency
contraception (นึกถึง reproductive coercion)
- Multiple
abortions
- มี sexual partner ที่อายุมากกว่ามาก
- มี sexual partners หลายคนในช่วงสั้น
- เริ่ม sexual activity ตั้งแต่อายุน้อยมาก (≤13
ปี)
- “Partner”
ยืนกรานจะอยู่ในห้องตรวจตลอด
- ขาดเรียนเพราะ “รู้สึกไม่ปลอดภัย”
6. หลักปฏิบัติในคลินิก (Practice
considerations)
6.1 Healing-centered / Trauma-sensitive care
เป้าหมาย
- ให้ข้อมูลและ resource แก่วัยรุ่นทุกคน
(ไม่ต้องรอให้เปิดเผยก่อน)
- ย้ำว่าเขา “ไม่โดดเดี่ยว” และมีที่พึ่งได้
- สนับสนุนให้คิดเรื่องความปลอดภัยและทางเลือกของตนเอง
หลัก trauma-sensitive
- ปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนอาจมีประวัติ trauma → ใช้น้ำเสียงไม่ตัดสิน,
เคารพ privacy, อธิบายขั้นตอนตรวจทุกขั้น
- หลีกเลี่ยงการซักละเอียดเชิง “สืบสวน” โดยไม่จำเป็น
- บุคลากรทุกระดับควรได้รับ training เรื่อง trauma,
confidentiality, mandatory reporting และวิธีอ้างอิงต่อบริการภายนอก
6.2 การสร้าง “safe space”
- มีโปสเตอร์/แผ่นพับเรื่อง healthy relationship, ARA, hotline
แสดงให้เห็นว่าคุยเรื่องนี้ได้
- แสดง diversity ของเพศสัมพันธ์/เพศสภาพและรูปแบบความสัมพันธ์
- นโยบายให้วัยรุ่นอยู่กับแพทย์ “ลำพัง” ช่วงหนึ่งของการตรวจ เสมอ
- แพทย์ควรรู้จัก resource ในชุมชนและสามารถติดต่อให้ได้จริง
(victim advocate, social worker, mental health ฯลฯ)
6.3 Privacy & Confidentiality
- อธิบายขอบเขตความลับและข้อจำกัดตั้งแต่ต้น เช่น
ถ้ามีใครกำลังทำร้ายคุณอย่างรุนแรง
หรือคุณคิดจะทำร้ายตัวเอง อาจจำเป็นต้องบอกผู้ใหญ่คนอื่นเพื่อช่วยให้ปลอดภัย
- แพทย์ต้องเข้าใจกฎหมาย consent และ mandatory
reporting ในพื้นที่ของตน
- การรายงานโดยไม่ประเมินความปลอดภัยของผู้ป่วยอาจเพิ่มความเสี่ยง
จึงควร consult ผู้มีประสบการณ์ เช่น social
worker, IPV advocate
6.4 Patient-centered evaluation
- ใช้ shared decision making: ให้ผู้ป่วยมีส่วนกำหนดวิธีตรวจ
(เช่น อยากให้อธิบายทุกขั้นไหม ต้องการฟังเพลงไหม ฯลฯ)
- ทำให้ encounter “predictable” – บอกล่วงหน้าว่าจะตรวจอะไร
ทำอะไรบ้าง
- ย้ำว่าผู้ป่วยมีสิทธิ ปฏิเสธ การตรวจ/หัตถการใดๆ ได้
และถามเช็คอินเป็นระยะ
- ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย, อธิบายด้วยภาพ/เขียน/สาธิต,
ใช้ teach-back
- ระวัง flashbacks ระหว่างการตรวจ โดยเฉพาะ pelvic
exam
7. การ “address” ARA ในคลินิก
7.1 Universal education & anticipatory guidance
แนวคิด: ให้การให้ข้อมูลเรื่อง
healthy/unhealthy relationships เป็น “มาตรฐาน”
สำหรับวัยรุ่นทุกคน
เหตุผล
- สร้างบรรยากาศ patient-centered
- ทำให้ทั้งเหยื่อและผู้ที่อาจเป็นผู้กระทำเข้าใจว่า ARA คืออะไร และไม่เป็นที่ยอมรับ
- ลด stigma และเปิดช่องให้มาพูดคุยได้ในอนาคต
- ช่วยให้วัยรุ่นรู้วิธีช่วยเพื่อนที่อาจกำลังถูกทำร้าย
วิธีเริ่มต้นบทสนทนา
(ตัวอย่างภาษาไทยปรับใช้ได้)
- “หมอจะคุยเรื่องความสัมพันธ์ที่ดี–ไม่ดี กับวัยรุ่นทุกคน
เพราะมันเกี่ยวกับสุขภาพมาก บางทีสิ่งที่คุยวันนี้อาจช่วยเพื่อนได้ด้วย
ถ้าคุณมีเพื่อนที่กังวลเรื่องนี้ก็ชวนเขามาคุยได้”
หัวข้อที่ควรครอบคลุม
1.
ลักษณะ “healthy
relationship” – เคารพกัน, เชื่อใจกัน,
สื่อสารตรงไปตรงมา, ยอมรับคำว่า “ไม่”
2.
ตัวอย่าง “unhealthy/abusive
relationship” – ใช้ความรุนแรง ข่มขู่ ควบคุมตรวจมือถือ
ห้ามคบเพื่อน ใช้ sex หรือเงินเป็นเครื่องมือ ฯลฯ
3.
ผลเสียด้านสุขภาพ (pregnancy,
STI, mental health, การเรียน)
4.
ให้ข้อมูล resource และ hotline / card สำหรับ ARA, sexual
violence, trafficking ฯลฯ
5.
กระตุ้นให้เอาข้อมูลไปแชร์กับเพื่อน
7.2 Universal inquiry (การถามทุกคน)
วิธีถามแบบเปิด + normalize
- “หมอคุยกับคนไข้วัยรุ่นทุกคนเรื่องความสัมพันธ์
เพราะทุกคนควรได้รับการปฏิบัติด้วยความไว้ใจและเคารพ
บางคนเคยเล่าว่าคนที่คบชอบด่าว่าหรือคอยเช็กตลอด คุณเคยเจออะไรประมาณนี้ไหม”
High-risk adolescents
สำหรับผู้ที่มี warning signs หรือ risk factors ให้ถามละเอียดขึ้น
(แต่ยังคงน้ำเสียงไม่ตัดสิน) เช่น:
- “คนที่คุณคบ เคยบอกคุณว่าห้ามคุยกับใคร
หรืออยากรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนตลอดเวลาหรือเปล่า?”
- “เคยทำให้คุณต้องมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ไม่อยากไหม?”
- “เคยขู่จะทำร้ายคุณ หรือตีของปาข้าวของเมื่อโกรธไหม?”
- “เขามีอาวุธไหม?”
ในบริบทอื่น
- คนไข้ใช้สารเสพติด: ถามโยงกับความเครียด/ความสัมพันธ์
- มี STI ซ้ำ: ถามเรื่องปฏิกิริยาของ partner,
ความยากในการบอกข่าว, นึกถึง coercion
หรือ sex work
- หากสงสัย reproductive coercion: เสนอทางเลือกคุมกำเนิดแบบยากต่อการตรวจพบ/แทรกแซง
(เช่น IUD, implant)
ท้ายสุด แม้คนไข้ไม่เปิดเผย ก็ยังควร:
- ให้ข้อมูล resource
- ใช้คำพูดที่ normalize ว่า
“มันยากที่จะเล่าเรื่องแบบนี้” และเปิดช่องให้มาคุยทีหลัง
7.3 Universal provision of resources
ให้ข้อมูล/เบอร์/เว็บไซต์/แผ่นพับแก่ ทุกคน
ไม่ว่าจะเปิดเผย ARA หรือไม่:
- ถ้าเขาบอกว่า “ไม่เคยถูกทำร้าย”: ถามต่อว่า
- “ถ้าวันหนึ่งมีอะไรแบบนี้เกิดกับคุณหรือเพื่อน
คุณพอจะรู้ไหมว่าจะไปขอความช่วยเหลือที่ไหน”
- ย้ำว่า
- “ตอนนี้คุณอยู่ในความสัมพันธ์ที่ดี หมอดีใจ
แต่ความสัมพันธ์คนเราก็เปลี่ยนได้ ถ้าวันไหนคุณรู้สึกไม่ปลอดภัย
อยากให้รู้ว่ามีที่ที่ช่วยคุณได้”
แนวคิดคือ สร้าง trust ระยะยาว — คนไข้บางคนจะเปิดเผยเมื่อมาพบหลายครั้งแล้ว
8. การดูแลเมื่อมีการเปิดเผย ARA
(Managing disclosures)
เมื่อผู้ป่วยบอกตรงๆ หรือสงสัยมาก:
1.
เชื่อและ validate
o “สิ่งที่คุณเจอไม่ใช่ความผิดของคุณเลย ขอบคุณที่ไว้วางใจเล่าให้หมอฟัง”
o หลีกเลี่ยงคำถามเชิงตำหนิ (“ทำไมไม่เลิก?”, “ทำไมไม่บอกใครตั้งแต่แรก?”)
2.
ยังคง patient-centered
o ให้ความสำคัญกับ chief complaint ของเขา (pregnancy,
STI, anxiety ฯลฯ) พร้อมกับประเด็น ARA
3.
อธิบายขอบเขตความลับและการรายงานตามกฎหมายอย่างซื่อสัตย์
o บอกให้ชัดว่าอะไรที่อาจต้องรายงาน และรายงานให้ใครบ้าง
o หลีกเลี่ยงสัญญาในสิ่งที่ทำไม่ได้ (“หมอจะไม่บอกใครเลย”)
4.
Safety planning
o ถ้าเป็นไปได้ consult victim advocate / social worker / mental
health อย่าง real-time
o พยายามเชื่อมต่อผู้ป่วยกับบริการเหล่านั้นโดยตรง (ไม่ใช่แค่ให้เบอร์)
o ใช้โทรศัพท์/ช่องทางที่ปลอดภัย (ไม่ใช้เครื่องของผู้ป่วยหาก partner
อาจติดตามได้)
5.
การติดตาม / ongoing care
o หาวิธีแจ้งผลตรวจหรือ follow-up อย่างเป็นความลับ
o เชื่อมต่อกับ mental health เพื่อประเมินและรักษาภาวะร่วม
o ดูว่าผู้ป่วยเข้าถึง resource ด้านปัจจัยพื้นฐาน
(อาหาร ที่พัก การศึกษา ทักษะอาชีพ) ได้หรือไม่
9. Prevention & Early Intervention Programs
9.1 กลยุทธ์ระดับประชากรทั่วไป (schools
/ community)
เป้าหมายหลัก:
- เปลี่ยน/ท้าทาย gender norms ที่สนับสนุนความรุนแรงหรือ
power imbalance
- ส่งเสริม bystander behavior – ให้เพื่อนรู้วิธีแทรกแซงเมื่อเห็นสถานการณ์เสี่ยง
- เริ่มใน middle school (ช่วงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์)
ให้เร็วก่อน internalize บทบาทเพศและพฤติกรรมรุนแรง
ตัวอย่าง intervention ที่มีหลักฐานสนับสนุน:
- Dating
Matters – multicomponent school-based program → ลด teen dating violence และ negative conflict resolution
- Green
Dot – bystander intervention →
ลด sexual violence, harassment, stalking และ dating violence
- Coaching
Boys Into Men – coach ของทีมกีฬาเป็นคนสอนเรื่องความสัมพันธ์ที่เคารพกัน
→ เพิ่ม positive bystander behavior และลด perpetration
9.2 กลยุทธ์สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง
- เยาวชนที่มีประวัติ trauma/violence → ใช้ cognitive-behavioral
interventions, parent support programs
- โปรแกรมอย่าง Date SMART, Expect Respect Support
Group, และโปรแกรมเสริมทักษะด้าน resilience ต่างๆ แสดงผลลด dating violence, ลด depression,
ลด alcohol use ในบางกลุ่ม
- Mobile
/ app-based tools (เช่น myPlan, myPlan Teen) ช่วยด้าน safety planning, ลด perpetration
และปรับปรุงการตัดสินใจของผู้ช่วย/เพื่อน
10. Key clinical takeaways สำหรับแพทย์
1.
คิดถึง ARA เสมอในวัยรุ่นที่มาด้วย:
o อาการทางกายซ้ำๆ ไม่จำเพาะ
o Depression,
suicidality, substance use
o ปัญหา sexual health (STI ซ้ำๆ, emergency
contraception บ่อย, unintended pregnancy)
2.
ทำ universal education +
universal inquiry
o พูดเรื่อง healthy/unhealthy relationships กับทุกคน
o ใช้คำถามแบบเปิด ไม่ตัดสิน ปรับตามบริบทของคนไข้แต่ละราย
3.
ใช้ trauma-sensitive,
healing-centered approach
o เคารพ autonomy ของผู้ป่วย
o อธิบายขั้นตอนตรวจ, ให้สิทธิในการปฏิเสธ, ป้องกัน retraumatization
4.
เตรียม network /
resource ไว้ล่วงหน้า
o รายชื่อองค์กรท้องถิ่น: DV agencies, rape crisis centers, social
worker, mental health, child protection, legal aid, shelter, ฯลฯ
o มีสื่อ/เบอร์/เว็บไซต์พร้อมแจกในห้องตรวจ
5.
จำไว้ว่าการเปิดเผยไม่ใช่
“เป้าหมายเดียว”
o การให้ข้อมูล สนับสนุน และเปิดพื้นที่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
สามารถลดอันตรายและช่วยให้ผู้ป่วยพร้อมเมื่อถึงเวลาที่เขาตัดสินใจขอความช่วยเหลือจริงๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น