Antispasmodics
ภาพรวม
- “Antispasmodic”
ครอบคลุม 3 กลุ่มหลักในคลินิกระบบทางเดินอาหาร:
1.
Antimuscarinics (anticholinergics): ลดการหดเกร็งจาก M-receptor (เช่น hyoscine
butylbromide, dicyclomine)
2.
Direct/functional myotropics: ออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อเรียบลำไส้/ช่องท้อง โดยไม่เป็น anticholinergic
ชัด (เช่น mebeverine, alverine, otilonium, trimebutine)
3.
GI-selective Ca²⁺
channel blockers: ลด spasm จากการบล็อก L-type
ที่ลำไส้ (เช่น pinaverium)
ตารางชื่อ กลไก และขนาดยา
ยา |
กลไก (Mechanism) |
ขนาดยาทั่วไป |
Hyoscine (Buscopan®) |
Antimuscarinic (quaternary
ammonium → เข้าสมองน้อย) |
10–20 mg PO q6–8h; 20 mg IM/IV ช้า (เฉียบพลัน) |
Dicyclomine |
Antimuscarinic |
10–20 mg PO qid |
Alverine |
Direct myotropic |
60 mg PO tid (บางตำรับมากกว่า)
มักใช้ “alverine/simethicone” |
Mebeverine |
Direct myotropic |
135 mg PO tid หรือ 200
mg CR bid |
Pinaverium |
GI-selective Ca²⁺
channel blocker (L-type) →
biliary disorder, IBS |
50 mg PO tid หรือ 100
mg bid พร้อมอาหาร/น้ำมาก |
Trimebutine |
Peripheral μ-modulator + myotropic (ปรับ motility ขึ้น/ลง) |
100–200 mg PO tid |
Trospium |
Antimuscarinic เน้นใช้กับภาวะ
overactive bladder มากกว่า GI spasms |
20 mg PO BID หรือ ER
60 mg PO OD |
Flavoxate |
Synthetic antispasmodic → ลด urgency,
bladder spasm |
100-200 มก. 3-4
ครั้ง/วัน |
Chlordiazepoxide** |
benzodiazepine → ผ่อนคลายทางอ้อมผ่าน
CNS, ลดความวิตกกังวล + คลายกล้ามเนื้อ |
ไม่มีขนาดสำหรับ antispasmodic
GI (สำหรับ anxiety 5-25 mg 2-4 ครั้ง/วัน) |
ประสิทธิภาพ
- งานวิจัยหลายฉบับสนับสนุนว่า antispasmodics โดยรวม (เช่น hyoscine, dicyclomine, alverine/simethicone,
pinaverium) มีประสิทธิภาพ เหนือกว่า placebo
ในการลดอาการปวดท้อง, ปวดเกร็ง, ท้องอืด ในโรคลำไส้แปรปรวน (IBS)
- เฉียบพลัน/colic ที่ต้องการออกฤทธิ์เร็ว:
Hyoscine butylbromide IM/IV เป็นตัวเลือกแรก ๆ
- IBS
ปวดเกร็งเรื้อรัง/บ่อย: Mebeverine / Alverine
/ Pinaverium / Trimebutine ดีในระยะยาว (anticholinergic
burden ต่ำ)
- มี dysmotility สลับ (ท้องผูก+ท้องเสีย):
Trimebutine (modulator) อาจเหมาะ
- Alverine/simethicone
และ pinaverium/simethicone: รวม simethicone
เพื่อช่วยลดแก๊สและ bloating มีผลดีเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับบางสูตรที่ไม่มี
simethicone
- Trospium
และ Flavoxate: ความแรง/หลักฐานในส่วนของ
GI spasm น้อยกว่า
เพราะส่วนใหญ่ใช้กับปัญหาทางเดินปัสสาวะมากกว่า
ผลข้างเคียง & Drug Interactions
- ข้างเคียงที่พบบ่อยกับยากลุ่ม antimuscarinic/anticholinergic
ได้แก่: ปากแห้ง, ตาแห้ง,
มองไม่ชัด, ท้องผูก, ปัสสาวะลำบาก, ใจสั่น, เวียนศีรษะ ฯลฯ
- Dicyclomine
เวียนศีรษะ/ง่วง/สับสน ได้มากกว่า
hyoscine
- Pinaverium
คลื่นไส้, esophagitis/odynophagia ถ้ากินก่อนนอน/ไม่ดื่มน้ำตามมากๆ
- Chlordiazepoxide:
เสี่ยงต่อผลข้างเคียงของ benzodiazepine เช่น
ง่วงซึม, พึ่งพายา/เสพติด, ปัญหาการหายใจในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาปอด
เมื่อใช้ร่วมกับยาอื่นที่กดประสาทกลาง
- Drug
interactions: ยากลุ่มนี้มักมี interaction ด้าน additive anticholinergic (ถ้าใช้หลายตัวพร้อมกันหรือใช้กับ
antihistamines, ยาโรคจิต, ยาต้านพาร์กินสัน
ฯลฯ)
ซึ่งอาจเพิ่มผลข้างเคียงหรือภาระต่อระบบประสาทกลางและระบบหัวใจ-หลอดเลือด
ความปลอดภัย
- ยามีอันตรายเมื่อใช้ในผู้ที่มี glaucoma แบบมุมแคบ
(narrow-angle glaucoma), ภาวะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
(urinary retention, bladder outflow obstruction), โรคการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหารที่ช้าหรือมีการอุดตัน (ileus,
gastric retention) (Mayo Clinic)
- ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงต่อผลข้างเคียง anticholinergic (เช่นสับสน, ตาพร่า,ท้องผูกมากขึ้น)
- ความเสี่ยงในตั้งครรภ์ /ให้นมบุตร: ข้อมูลจำกัด
ต้องประเมินผลประโยชน์กับความเสี่ยง
- ความปลอดภัยในโรคไต/ตับ:
ยาที่ขับออกหรือถูกเมตาบอไลท์โดยไตหรือมีการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิซึม
ต้องระวังถ้าทำงานไต/ตับเสื่อม
สรุปวิธีการเลือกยา
เมื่อเลือก antispasmodic ควรพิจารณาปัจจัยดังนี้:
1.
ประเภทอาการ &ตำแหน่ง
o ถ้าอาการหลักเป็น IBS / ลำไส้เกร็ง → Hyoscine,
Dicyclomine, Pinaverium, Mebeverine, Alverine
o ถ้าอาการร่วมกับความเครียด/วิตกกังวล → อาจใช้ร่วมกับ Chlordiazepoxide
o ถ้าอาการเป็นที่ระบบปัสสาวะ → Flavoxate, Trospium (โดยเฉพาะ urgency/frequency)
2.
ความรุนแรง &ถี่ของอาการ
o ถ้าอาการไม่บ่อยหรือปวดไม่รุนแรง → ใช้ขนาดต่ำสุดที่ได้ผล
o ถ้าปวดมากหรืออาการบ่อย → อาจต้องใช้ขนาดสูงขึ้น หรือหลายรอบ/หลายขนาดวัน
3.
ประวัติผู้ป่วย &เงื่อนไขสุขภาพร่วม
o ถ้ามี glaucoma, ปัญหาปัสสาวะอุดกั้น, GI
obstruction → หลีกเลี่ยง anticholinergic ตัวแรง
o ถ้าผู้สูงอายุหรือมีโรคไต/ตับ → เลือกตัวที่ปลอดภัยกว่า (ผลข้างเคียงน้อย)
4.
Drug interactions / ผลข้างเคียง
o หลีกเลี่ยงการใช้หลายยาที่มีผล anticholinergic ซ้ำซ้อน
o ตรวจยาอื่นที่ผู้ป่วยใช้ (antihistamines, antipsychotics, ยาโรคพาร์กินสัน ฯลฯ)
5.
เวลาที่ใช้ &ติดตามผล
o ทดลองใช้ 2-4 สัปดาห์เพื่อประเมินว่ามีการตอบสนองหรือไม่
o ถ้าอาการดีขึ้น ให้ลดขนาดหรือความถี่ให้ต่ำสุดที่ยังได้ผล
o ถ้าไม่มีการตอบสนองอาจเปลี่ยนยาเป็นตัวอื่นหรือพิจารณายาที่ไม่ใช่ antispasmodic
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น