วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568

Antispasmodics

Antispasmodics

ภาพรวม

  • “Antispasmodic” ครอบคลุม 3 กลุ่มหลักในคลินิกระบบทางเดินอาหาร:

1.       Antimuscarinics (anticholinergics): ลดการหดเกร็งจาก M-receptor (เช่น hyoscine butylbromide, dicyclomine)

2.       Direct/functional myotropics: ออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อเรียบลำไส้/ช่องท้อง โดยไม่เป็น anticholinergic ชัด (เช่น mebeverine, alverine, otilonium, trimebutine)

3.       GI-selective Ca² channel blockers: ลด spasm จากการบล็อก L-type ที่ลำไส้ (เช่น pinaverium)


ตารางชื่อ กลไก และขนาดยา

ยา

กลไก (Mechanism)

ขนาดยาทั่วไป

Hyoscine (Buscopan®)

Antimuscarinic (quaternary ammonium เข้าสมองน้อย)

10–20 mg PO q6–8h; 20 mg IM/IV ช้า (เฉียบพลัน)

Dicyclomine

Antimuscarinic

10–20 mg PO qid

Alverine

Direct myotropic

60 mg PO tid (บางตำรับมากกว่า) มักใช้ “alverine/simethicone”

Mebeverine

Direct myotropic

135 mg PO tid หรือ 200 mg CR bid

Pinaverium

GI-selective Ca² channel blocker (L-type) biliary disorder, IBS

50 mg PO tid หรือ 100 mg bid พร้อมอาหาร/น้ำมาก

Trimebutine

Peripheral μ-modulator + myotropic (ปรับ motility ขึ้น/ลง)

100–200 mg PO tid

Trospium

Antimuscarinic เน้นใช้กับภาวะ overactive bladder มากกว่า GI spasms

20 mg PO BID หรือ ER 60 mg PO OD

Flavoxate

Synthetic antispasmodic ลด urgency, bladder spasm

100-200 มก. 3-4 ครั้ง/วัน

Chlordiazepoxide**

benzodiazepine ผ่อนคลายทางอ้อมผ่าน CNS, ลดความวิตกกังวล + คลายกล้ามเนื้อ

ไม่มีขนาดสำหรับ antispasmodic GI (สำหรับ anxiety 5-25 mg 2-4 ครั้ง/วัน)


ประสิทธิภาพ

  • งานวิจัยหลายฉบับสนับสนุนว่า antispasmodics โดยรวม (เช่น hyoscine, dicyclomine, alverine/simethicone, pinaverium) มีประสิทธิภาพ เหนือกว่า placebo ในการลดอาการปวดท้อง, ปวดเกร็ง, ท้องอืด ในโรคลำไส้แปรปรวน (IBS)
    • เฉียบพลัน/colic ที่ต้องการออกฤทธิ์เร็ว: Hyoscine butylbromide IM/IV เป็นตัวเลือกแรก ๆ
    • IBS ปวดเกร็งเรื้อรัง/บ่อย: Mebeverine / Alverine / Pinaverium / Trimebutine ดีในระยะยาว (anticholinergic burden ต่ำ)
    • มี dysmotility สลับ (ท้องผูก+ท้องเสีย): Trimebutine (modulator) อาจเหมาะ
  • Alverine/simethicone และ pinaverium/simethicone: รวม simethicone เพื่อช่วยลดแก๊สและ bloating มีผลดีเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับบางสูตรที่ไม่มี simethicone
  • Trospium และ Flavoxate: ความแรง/หลักฐานในส่วนของ GI spasm น้อยกว่า เพราะส่วนใหญ่ใช้กับปัญหาทางเดินปัสสาวะมากกว่า

ผลข้างเคียง & Drug Interactions

  • ข้างเคียงที่พบบ่อยกับยากลุ่ม antimuscarinic/anticholinergic ได้แก่: ปากแห้ง, ตาแห้ง, มองไม่ชัด, ท้องผูก, ปัสสาวะลำบาก, ใจสั่น, เวียนศีรษะ ฯลฯ
    • Dicyclomine เวียนศีรษะ/ง่วง/สับสน ได้มากกว่า hyoscine
  • Pinaverium คลื่นไส้, esophagitis/odynophagia ถ้ากินก่อนนอน/ไม่ดื่มน้ำตามมากๆ
  • Chlordiazepoxide: เสี่ยงต่อผลข้างเคียงของ benzodiazepine เช่น ง่วงซึม, พึ่งพายา/เสพติด, ปัญหาการหายใจในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาปอด เมื่อใช้ร่วมกับยาอื่นที่กดประสาทกลาง
  • Drug interactions: ยากลุ่มนี้มักมี interaction ด้าน additive anticholinergic (ถ้าใช้หลายตัวพร้อมกันหรือใช้กับ antihistamines, ยาโรคจิต, ยาต้านพาร์กินสัน ฯลฯ) ซึ่งอาจเพิ่มผลข้างเคียงหรือภาระต่อระบบประสาทกลางและระบบหัวใจ-หลอดเลือด

ความปลอดภัย

  • ยามีอันตรายเมื่อใช้ในผู้ที่มี glaucoma แบบมุมแคบ (narrow-angle glaucoma), ภาวะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ (urinary retention, bladder outflow obstruction), โรคการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหารที่ช้าหรือมีการอุดตัน (ileus, gastric retention) (Mayo Clinic)
  • ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงต่อผลข้างเคียง anticholinergic (เช่นสับสน, ตาพร่า,ท้องผูกมากขึ้น)
  • ความเสี่ยงในตั้งครรภ์ /ให้นมบุตร: ข้อมูลจำกัด ต้องประเมินผลประโยชน์กับความเสี่ยง
  • ความปลอดภัยในโรคไต/ตับ: ยาที่ขับออกหรือถูกเมตาบอไลท์โดยไตหรือมีการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิซึม ต้องระวังถ้าทำงานไต/ตับเสื่อม

สรุปวิธีการเลือกยา

เมื่อเลือก antispasmodic ควรพิจารณาปัจจัยดังนี้:

1.       ประเภทอาการ &ตำแหน่ง

o   ถ้าอาการหลักเป็น IBS / ลำไส้เกร็ง Hyoscine, Dicyclomine, Pinaverium, Mebeverine, Alverine

o   ถ้าอาการร่วมกับความเครียด/วิตกกังวล อาจใช้ร่วมกับ Chlordiazepoxide

o   ถ้าอาการเป็นที่ระบบปัสสาวะ Flavoxate, Trospium (โดยเฉพาะ urgency/frequency)

2.       ความรุนแรง &ถี่ของอาการ

o   ถ้าอาการไม่บ่อยหรือปวดไม่รุนแรง ใช้ขนาดต่ำสุดที่ได้ผล

o   ถ้าปวดมากหรืออาการบ่อย อาจต้องใช้ขนาดสูงขึ้น หรือหลายรอบ/หลายขนาดวัน

3.       ประวัติผู้ป่วย &เงื่อนไขสุขภาพร่วม

o   ถ้ามี glaucoma, ปัญหาปัสสาวะอุดกั้น, GI obstruction หลีกเลี่ยง anticholinergic ตัวแรง

o   ถ้าผู้สูงอายุหรือมีโรคไต/ตับ เลือกตัวที่ปลอดภัยกว่า (ผลข้างเคียงน้อย)

4.       Drug interactions / ผลข้างเคียง

o   หลีกเลี่ยงการใช้หลายยาที่มีผล anticholinergic ซ้ำซ้อน

o   ตรวจยาอื่นที่ผู้ป่วยใช้ (antihistamines, antipsychotics, ยาโรคพาร์กินสัน ฯลฯ)

5.       เวลาที่ใช้ &ติดตามผล

o   ทดลองใช้ 2-4 สัปดาห์เพื่อประเมินว่ามีการตอบสนองหรือไม่

o   ถ้าอาการดีขึ้น ให้ลดขนาดหรือความถี่ให้ต่ำสุดที่ยังได้ผล

o   ถ้าไม่มีการตอบสนองอาจเปลี่ยนยาเป็นตัวอื่นหรือพิจารณายาที่ไม่ใช่ antispasmodic


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น