วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Warfarin

Warfarin


Biology

Key points (Quick hits)

  • กลไก: ยับยั้ง VKOR (vitamin K epoxide reductase) ลดรูปวิตามิน K โปรตีน II, VII, IX, X (และ Protein C/S) ไม่เกิด γ-carboxylation ออกฤทธิ์ช้า (ขึ้นกับ half-life โดยเฉพาะ FII ~3 วัน)
  • ช่วงเริ่มยา: PT/INR ขึ้นก่อน แต่ยัง “ไม่เต็มฤทธิ์” เพราะลดเฉพาะ FVII (t½ 4–6 ชม.) จึงควร overlap/bridge ด้วย heparin/LMWH ในลิ่มเลือดเสี่ยงสูงช่วง 5–7 วันแรก
  • เป้าหมายคุณภาพการคุมยา: TTR (time in the therapeutic range) 65–70% (วิธีคำนวณนิยม: Rosendaal linear interpolation)
  • ตั้งครรภ์ห้ามใช้ (teratogen); ให้นมได้ (เฝ้าระวังช้ำ/เลือดออกในทารก)
  • หลักโภชนาการ: คงที่ ไม่ใช่งดวิตามิน K (ผักใบเขียวจัด=สูงมาก เช่น spinach, kale ; ผักสลัดหลายชนิด=ปานกลาง/ต่ำ)
  • ปัจจัยทำให้เกิด supratherapeutic INR: ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม, azole, amiodarone, metronidazole, acetaminophen (ขนาดเกินมาตรฐาน), ไข้/ท้องเสีย/กินได้น้อย, ตับไตเสื่อม, ไธรอยด์เป็นพิษ, สูงอายุ/หญิง
  • ปัจจัยกด INR: rifampin, carbamazepine, phenytoin, nafcillin/dicloxacillin, ผงยาสูบ/บุหรี่ (induction), วิตามิน K ซ่อนรูป
  • ยาที่เพิ่ม “ความเสี่ยงเลือดออก” แม้ INR ไม่สูง: NSAIDs/ASA/antiplatelets, สเตียรอยด์ (GI) เลี่ยงถ้าไม่จำเป็น; ถ้าจำเป็น พิจารณา COX-2 selective + PPI
  • พันธุกรรมมีผลต่อ dose requirement (VKORC1, CYP2C9) แต่ ไม่แนะนำตรวจ routine

Pharmacology & Dynamics

  • Delayed onset: ผลต้านการแข็งตัว “เต็ม” มักที่ ~วัน 5–7 หลังเริ่ม
  • Transient procoagulant: กด Protein C/S ระยะแรก เลี่ยง “loading สูง” โดยเฉพาะใน Protein C deficiency
  • Duration: ให้ vitamin K1 ขนาดสูง อาจดื้อ warfarin ได้ หลายวัน

Monitoring & Targets

  • ตรวจ INR: เริ่มถี่ (q2–3 วัน) จนเข้าเป้าหมาย 2 ครั้งติด จากนั้น ทุก 4–12 สัปดาห์ (ถ้าคงที่)
  • TTR เป็นตัวชี้วัดบริการ: ตั้งเป้า 65–70%
  • ตัวอย่างเป้าหมาย INR (ทั่วไป): AF/VTE ส่วนมาก 2.0–3.0; ลิ้นหัวใจกล/บางข้อบ่งชี้ 2.5–3.5 (อ้างอิงตาม guideline เฉพาะโรค)

Bridging: เมื่อไรจำเป็น?

  • เริ่ม warfarin ใน VTE proximal/เสี่ยงสูง, ภาวะลิ่มเลือดเสี่ยงสูงอื่น ๆ: overlap กับ heparin/LMWH 5 วัน และ INR ในเป้า 24 ชม. ก่อนหยุด heparin
  • เปลี่ยนยาหรือหยุดชั่วคราว (ผ่าตัด): ประเมิน thromboembolic risk vs bleeding risk ตามมาตรฐาน (ใช้ DOAC/LMWH/ไม่มี bridge ขึ้นกับสถานการณ์)

Diet & Lifestyle (จุดที่ “ทำแล้วได้ผล”)

  • สื่อสารเรื่อง “ความคงที่” ของวิตามิน K: ให้รายชื่ออาหารวิตามิน K สูง (ผักใบเขียวจัด, Brussels sprouts) และผลิตภัณฑ์เสริม/เครื่องดื่มที่ “มี K แฝง”
  • Acetaminophen: ถ้า 2 g/วัน ต่อเนื่อง 3 วัน เช็ค INR ที่ วันที่ 3–5
  • Alcohol: สม่ำเสมอในปริมาณน้อย ๆ ได้ แต่ ห้ามดื่มหนัก/บิงจ์ (เลือดออก/INR แปรปรวน)
  • บุหรี่/ยาสูบ: การหยุดสูบอาจ ลด dose requirement ต้อง ตรวจ INR ถี่ขึ้น ระหว่างเลิก
  • Cannabis/CBD/THC: ยับยั้ง CYP2C9 INR ขึ้น ได้ ต้องซักประวัติ/ติดตามถี่

Drug interactions (จำกลุ่มใหญ่ + แนวทางรับมือ)

ทำให้ INR (เสี่ยงเลือดออก)

  • ยาปฏิชีวนะ: TMP-SMX, macrolides (clarithro/erythro), fluoroquinolones (levo/moxi), amoxicillin (รายงานได้), metronidazole
  • ยาต้านเชื้อรา azole: fluconazole, voriconazole
  • Amiodarone, acetaminophen ขนาดสูงต่อเนื่อง
    การจัดการ: หลีกเลี่ยงถ้าเทียบประสิทธิภาพได้, ถ้าจำเป็นให้ ตรวจ INR ถี่ และปรับขนาด

ทำให้ INR (เสี่ยงลิ่มเลือด)

  • Enzyme inducers: rifampin, carbamazepine, phenytoin, primidone; nafcillin/dicloxacillin
  • วิตามิน/แคลเซียมบางชนิดที่มี vitamin K
    การจัดการ: คาดการณ์ dose , ตรวจ INR ถี่

เพิ่มเลือดออกโดยไม่ผ่าน INR

  • Aspirin/NSAIDs/antiplatelets, สเตียรอยด์ (GI) เลี่ยง; ถ้าจำเป็นใช้ COX-2 + PPI

Comorbidities ที่ทำ INR แกว่ง

  • ตับ: เมตาบอลิซึม/สังเคราะห์แฟคเตอร์ผิดปกติ INR แปรปรวน + bleeding/thrombosis พร้อมกันได้
  • ไต: ต้องการขนาดลดลงโดยเฉพาะ CKD มาก; dialysis + AF มีประโยชน์สุทธิของ warfarin ที่ถกเถียง
  • หัวใจล้มเหลว: คุม INR ยากขึ้น (TTR แย่)
  • ไทรอยด์: Hyper warfarin แรงขึ้น (INR); Hypo อ่อนลง (INR)
  • ภาวะเฉียบพลัน: ไข้, ท้องเสีย/กินได้น้อย, นอน รพ. ต้อง monitor ถี่

Genetics

  • VKORC1, CYP2C9 มีผลต่อ maintenance dose; แต่ ไม่แนะนำตรวจ routine (ไม่ได้เปลี่ยน outcome สำคัญใน RCTs)
  • หมายเหตุ: S-warfarin (แรงกว่า) เมตาบอลิซึมโดย CYP2C9

Practical clinic cheat-sheet

ช่วงเริ่มต้น

1.       เริ่มขนาดตามปกติ/ปรับตามอายุ-ตับ-ไต-ปฏิกิริยาร่วมยา (หลีกเลี่ยง loading สูงโดยไม่จำเป็น)

2.       Bridge ถ้าลิ่มเลือดเสี่ยงสูง

3.       นัด INR: วัน 3, วัน 5–7, จากนั้นตามผล

เมื่อ INR สูงแบบไม่มีเลือดออก (หลักทั่วไป)

  • INR 3.1–4.5: ลด/ข้าม 1 dose, ตรวจซ้ำ 3–7 วัน
  • INR 4.5–10: ข้ามยา 1–2 dose, พิจารณา vit K 1–2 mg PO ถ้ามีเสี่ยงเลือดออก/สูงอายุ/ปัจจัยร่วม
  • INR >10: vit K 2.5–5 mg PO + หยุด warfarin; ถ้าซีเรียส/เลือดออก ดูแนวทาง reversal (PCC/FFP + vit K)

เมื่อ INR ต่ำ

  • ประเมิน adherence/อาหาร/ยาเหนี่ยวนำ; ปรับเพิ่ม dose รวมสัปดาห์ 5–20% ตาม pattern และนัดตรวจซ้ำเร็ว

เมื่อจำเป็นต้องใช้ยา “เสี่ยง”

  • วางแผน check-INR ล่วงหน้า + 3–5 วันหลังเริ่มยา/หยุดยา และแจ้งคนไข้ให้สังเกตอาการเลือดออก

Dosing and adverse effect

1. บทนำ (Introduction – Key Concepts)

  • Warfarin/VKAs ออกฤทธิ์โดยการยับยั้ง vitamin K epoxide reductase (VKOR) ลดการ gamma-carboxylation ของ Factor II, VII, IX, X, protein C/S ทำให้ clotting factor ไม่สามารถจับ Ca2+ และ phospholipid สูญเสียหน้าที่
  • Therapeutic window แคบ, มี variability จาก diet, drug interaction, genetic factors
  • ต้อง monitor INR เป็น routine เพื่อเฝ้าระวังทั้ง bleeding และ thrombosis
  • DOACs มีความปลอดภัยกว่าในหลาย indication แต่ warfarin ยังเป็น standard ใน:
    • Mechanical valve
    • Moderate/high-risk APS
    • Severe rheumatic mitral stenosis
    • ผู้ป่วยที่ต้อง target INR สูงกว่าปกติ หรือมี poor compliance monitoring DOAC

2. ข้อบ่งใช้ (Major Indications)

Clinical Condition

Preferred Anticoagulant

Notes

Mechanical valve

Warfarin เท่านั้น

Target INR 2.5–3.5 หรือ 3.0–4.0 (ขึ้นกับตำแหน่งและชนิดลิ้น)

Antiphospholipid syndrome (APS)

Warfarin

DOAC ไม่แนะนำโดยเฉพาะ triple-positive

AF nonvalvular

DOAC preferred

Warfarin ใช้ในผู้ที่ DOAC contraindicated หรือ cost barrier

VTE (DVT/PE)

DOAC preferred

Warfarin ใช้ใน cancer-associated thrombosis บางกรณี, antiphospholipid

LV thrombus, Heart failure with thrombus risk

Warfarin

ใช้ตาม guideline


3. ข้อห้าม (Contraindications)

  • Bleeding active หรือ risk สูงมากที่ไม่สามารถควบคุมได้
  • Severe liver disease with coagulopathy (ไม่ fixed-dose ได้ดี)
  • Pregnancy trimester 1 (teratogenic)
  • Poor compliance ที่ไม่สามารถ monitor ได้

4. ข้อดีและข้อเสีย (Advantages vs Disadvantages)

ข้อดี

  • ประสบการณ์มากที่สุด / guideline รองรับชัดเจน
  • ใช้ได้ใน mechanical valve / APS
  • ราคาถูก / ตรวจสอบ compliance ได้จาก INR
  • สามารถปรับ target INR flexibility (เช่น INR 3–4 ใน APS breakthrough)

ข้อเสีย

  • ต้องเจาะเลือดบ่อย / burden สูง
  • Bleeding risk สูงกว่า DOAC
  • INR แกว่งจาก diet, illness, ยาหลายชนิด
  • ผู้สูงอายุเสี่ยงสูงต้อง monitor ใกล้ชิด

5. หลักการเริ่มยา (Initiation)

  • Initial dose 5 mg/day (หลีกเลี่ยง loading 10 mg)
  • ปรับ dose ตาม INR (target ตาม indication)
  • ต้อง bridge ด้วย heparin/LMWH ในกรณีที่ thrombosis risk สูง เช่น acute VTE, APS, mechanical valve
  • INR ฝั่งขึ้นใน 2–3 วัน แต่ full effect ต้องรอ factor II depletion 5–7 วัน

6. INR Monitoring

Situation

Frequency ของการเจาะ INR

เริ่มยา / เปลี่ยนขนาด

ทุก 1–3 วัน

INR ยังไม่นิ่ง

ทุกสัปดาห์

INR stable >1–2 เดือน

ทุก 4–12 สัปดาห์ (ส่วนใหญ่ใช้ทุก 4 สัปดาห์)

Target TTR 70% = Predict outcomes ดีสุด


ตารางเริ่มยา (มาตรฐานผู้ใหญ่ทั่วไป)

Day

INR

Warfarin dose (mg)

1

5

2

5

3

< 1.5

10

1.5–1.9

5

2–3

2.5

> 3

0

4

< 1.5

10

1.5–1.9

7.5

2–3

5

> 3

0

5

< 2

10

2–3

5

> 3

0

6

< 1.5

12.5

1.5–1.9

10

2–3

7.5

> 3

0

หลัง Day 6: เปลี่ยนเป็น maintenance titration ตาม INR (ปรับรวมขนาดยาสัปดาห์ 5–20% ตาม pattern และตรวจซ้ำใน 2–3 วัน)

 

** ให้ ครึ่งหนึ่ง ของขนาดในตารางมาตรฐานทุกช่อง (เช่น 10 5 mg, 7.5 3–3.75 mg, 5 2–2.5 mg, 2.5 1–1.25 mg) ในกลุ่มเสี่ยง supratherapeutic INR ได้แก่ อายุ 70–80 ปี, ต่ำกว่า 50–60 กก., ตับ/ไตผิดปกติ, HF, โภชนาการต่ำ, ยากลุ่มยับยั้งเมตาบอลิซึม (เช่น amiodarone, azole, macrolide), ประวัติ INR แกว่ง

**ดูโปรแกรมปรับยา (Link)

หมายเหตุ

  • INR วันต้นสะท้อน FVII เป็นหลัก ยัง “ไม่เต็มฤทธิ์” จนกว่า FII/X จะลด (ราว วัน 5–7)
    ใน VTE/APS/mechanical valve ให้ bridge heparin/LMWH อย่างน้อย 5 วัน และต่อจน INR อยู่ในเป้า 24 ชม.
  • ตรวจ INR วัน 3–4–5–6 ตามตาราง (หรือวันเว้นวัน) และ อย่าปรับซ้ำถี่เกิน ให้รอ 48–72 ชม. ให้ผลสะท้อนสู่ INR
  • ถ้า INR >3 ในช่วงเริ่มยา งดขนาดวันนั้น (0 mg) และประเมินปัจจัยเสี่ยงเลือดออก; ถ้า >4.5 และมีความเสี่ยงเลือดออกสูง พิจารณา vitamin K ขนาดต่ำ PO ตามแนวทางสถาบัน
  • เวลารับประทาน: เย็น/ค่ำ ช่วยให้ปรับขนาดได้ทันทีหลังทราบ INR วันนั้น (เลือกเวลาที่ adherence ดีที่สุด)
  • เม็ดยามาตรฐาน: 1, 2, 2.5, 3, 4, 5 mg ปัด/ผสมเม็ดให้ใกล้ dose เป้าหมาย ที่สุด (เช่น 7.5 = 5 + 2.5 mg)

7. Maintenance Dose & Adjustments

  • Maintenance dose แตกต่างกว้าง (1–10 mg/day)
  • ปรับตาม INR และ clinical context
  • ห้ามปรับบ่อยเกิน (ต้องรอ 48–72 ชม. ให้ผลสะท้อนใน INR)

8. Education ผู้ป่วย (Key Counseling)

  • กินผักใบเขียวได้ แต่ต้องคงที่
  • หลีกเลี่ยง NSAIDs / Aspirin / สมุนไพรบางชนิด
  • แจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนเริ่มยาใหม่
  • พิจารณา PPI ถ้า bleeding risk สูง
  • หลีกเลี่ยง binge drinking

9. ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ

  • Bleeding – common, life-threatening (ดู algorithm แยก)
  • Warfarin-induced skin necrosis (protein C deficiency / high loading dose)
  • Purple toe syndrome (cholesterol embolization)
  • Calciphylaxis (rare)
  • Teratogenicityห้ามใช้ใน 1st trimester

10. สรุป Practical จุดเด่น

  • Warfarin ยังจำเป็น ในบางโรค “ที่ DOAC ใช้ไม่ได้”
  • ต้องใช้ INR-guided dosing ตลอดชีวิต
  • การดูแล warfarin คืองาน “long-term management with active monitoring”
  • เหมาะกับคนไข้ที่:
    • ต้องการ INR target สูง / specific
    • มีลิ้นหัวใจเทียม
    • มี APS
    • หรือ DOAC unavailable

Warfarin–Bleeding risk & Supratherapeutic INR management

แกนคิดสำคัญ

  • ความเสี่ยงเลือดออก ระดับ INR, สูงอายุ, โรคร่วม (CKD/ตับ/หัวใจล้มเหลว), ยาตีกัน (เช่น azole/macrolide/amiodarone/NSAIDs), โภชนาการ/วิตามิน K แกว่ง, การติดเชื้อ/ท้องเสีย, แอลกอฮอล์มาก, การใช้ยาต้านเกล็ดเลือดร่วม
  • INR เป้าหมายคุมดี (TTR 65–70%) ลดทั้งเลือดออกและลิ่มเลือด
  • ปรับแก้ “ปัจจัยแก้ได้” เสมอ (ยาตีกัน, วิตามิน K ไม่สม่ำเสมอ, adherence ต่ำ)

Algorithm: ประเมินเบื้องต้นในผู้ป่วย INR สูง/มีเลือดออก

1.       แยก “มีเลือดออกรุนแรง/คุกคามชีวิต?” (ICH, GI bleed active, hemodynamic unstable, compartment, retroperitoneal, massive epistaxis/hemoptysis ฯลฯ)

2.       หาสาเหตุ INR พุ่ง: ยาใหม่? ATB? ไข้/ติดเชื้อ? ท้องเสีย/กินได้น้อย? แอลกอฮอล์? วิตามิน/สมุนไพร? เปลี่ยนแบรนด์วาร์ฟาริน? ใช้ DOAC ซ้อน?

3.       สั่งตรวจพื้นฐาน: PT/INR, aPTT, CBC/Plt, Cr, AST/ALT, type&screen (ถ้าคาดเลือดออก), พิจารณา CT brain ถ้ามี head trauma แม้ตรวจ neuro ปกติ


Treatment crib sheet

A. มีเลือดออกรุนแรง/คุกคามชีวิต (ทุก INR >2 ถือว่าต้องรีบกลับฤทธิ์)

  • หยุดวาร์ฟารินทันที
  • ให้ Vitamin K 10 mg IV ช้า (20–60 นาที); อาจทวนซ้ำทุก 12 ชม.ถ้า INR ยังสูง
  • ให้ 4-factor PCC (ไม่ใช่ aPCC) ตามแนวทางสถาบัน
    • แนวทาง “fixed dose” (ฉุกเฉิน ใช้ง่าย): 1,500–2,000 IU (พิจารณา 2,000 IU ถ้าใหญ่ตัว/INR สูงมาก/ICH)
    • แนวทาง “คำนวณตามน้ำหนัก+INR”: ตัวอย่าง 25 IU/kg (INR 2–3.9), 35 IU/kg (4–6), 50 IU/kg (>6); max ตามคู่มือผลิตภัณฑ์
  • ถ้าไม่มี PCC FFP 15–30 mL/kg (+ Vit K IV) ระวัง overload
  • พิจารณา antifibrinolytic (tranexamic acid) สำหรับเลือดเยื่อบุ/ช่องปาก; หลีกเลี่ยงในทางเดินปัสสาวะ
  • ตรวจ INR ซ้ำใน ~30 นาที หลัง PCC แล้วตามอาการ
  • จัดการสาเหตุเลือดออกจำเพาะ (เช่น endoscopy, neurosurgery)
  • ห้ามใช้ FEIBA/aPCC (Factor Eight Inhibitor Bypassing Activity) กับ warfarin เว้นจำเป็นมากและตามผู้เชี่ยวชาญ

B. ต้องผ่าตัด/หัตถการเร่งด่วน

  • ถ้าต้องทำ “วันนี้” จัดการแบบเลือดออกรุนแรงด้านบน (PCC + Vit K) เป้า INR 1.5
  • ถ้ารอได้ 24 ชม. ให้ Vit K 1–2 mg IV/PO แล้วตรวจ INR ซ้ำ; มักพอโดยไม่ต้อง PCC/FFP

C. ไม่มีเลือดออก (Supratherapeutic INR)

สถานการณ์

การจัดการหลัก

Vitamin K?

ติดตาม

INR <4.5

ข้าม 1 dose และ/หรือ ลด maintenance เล็กน้อย

ไม่จำเป็น

ตรวจซ้ำ 1–2 ครั้ง/สัปดาห์จนคงที่

INR 4.5–10

หยุดวาร์ฟารินชั่วคราว (1–2 dose)

พิจารณา PO 1–2.5 mg ถ้าเสี่ยงเลือดออกสูง/เข้าถึงรพ.ยาก/ปัจจัยลดการแก้เองช้า

ตรวจซ้ำ 24–72 ชม.; ลด maintenance ถ้าไม่มีเหตุชั่วคราว

INR >10

หยุดวาร์ฟาริน

PO 2.5–5 mg

ตรวจซ้ำถี่ (ทุกวัน/วันเว้นวัน); เริ่มวาร์ฟารินใหม่ “ขนาดต่ำลง” เมื่อ INR เข้าช่วงเป้า

หมายเหตุ Vit K

  • เลือก PO หากไม่มีเลือดออก (ฤทธิ์ดีภายใน 24–48 ชม., เลี่ยง anaphylaxis IV)
  • หลีกเลี่ยง SC (ไม่คุ้มกว่า placebo)
  • หลีกเลี่ยง ขนาดสูงเกิน ในผู้ไม่มีเลือดออก (จะ “ดื้อวาร์ฟาริน” หลายวัน)

ปัจจัยลดเลือดออก/ลด INR แกว่ง (ทำทันที)

  • หยุด/เลี่ยง NSAIDs/ASA; ถ้าจำเป็นใช้ COX-2 + PPI
  • ทบทวนยาใหม่ 2–4 สัปดาห์หลังสุด: azole, macrolide, TMP-SMX, quinolone, amiodarone, metronidazole, rifampin, carbamazepine, phenytoin, สมุนไพร (ginkgo, dong quai, St. John’s wort ฯลฯ)
  • คงที่ วิตามิน K ในอาหาร (ไม่ต้องงดผักใบเขียว แต่ให้ “สม่ำเสมอ”)
  • ให้ความรู้ adherence; พิจารณา home INR ในรายเหมาะสม
  • ถ้า TTR ต่ำ จากวิตามิน K intake ต่ำ/แกว่ง พิจารณา Vit K ต่ำขนาด 100–200 mcg/วัน (เลือกเฉพาะราย)

จุดเสี่ยง/กลุ่มพิเศษ

  • ผู้สูงอายุ (65–70 ปี): เสี่ยงเลือดออกสูงกว่า ให้เริ่ม/คงขนาดต่ำกว่า, ตรวจ INR ถี่ขึ้น, พิจารณา DOAC แทนถ้า indication เอื้อ (ยกเว้น mechanical valve/APS high risk)
  • หัวใจล้มเหลว/ตับ/ไตเสื่อม: INR แกว่งง่าย monitor ถี่, ปรับขนาดต่ำ
  • Head trauma ทุกระดับความรุนแรง ขณะใช้วาร์ฟาริน ทำ CT/MRI non-contrast แม้ไม่มีอาการ
  • Hematuria/เลือดออก GI: อย่าปัดว่า “จากวาร์ฟารินอย่างเดียว” สืบหาสาเหตุทางกายวิภาคตามมาตรฐาน
  • Superwarfarin (rodenticide) สงสัย: INR ดื้อ/กลับสูงยาวนาน ต้อง Vit K ปริมาณมาก PO (เช่น 50–>100 mg/วัน) นานเป็นสัปดาห์–เดือน + ติดตามระดับ/INR

PCC ใช้อย่างปลอดภัย (จำง่าย)

  • ชอบ 4-factor PCC > 3-factor/FFP (เร็วกว่า, ปริมาตรน้อยกว่า)
  • ความเสี่ยงลิ่มเลือดต่ำแต่มีจริง (~1–2%): เลี่ยงใน HIT (บางผลิตภัณฑ์มี heparin), กลับเข้าสู่การให้แอนตี้โคแอกฯ ให้เร็วที่สุดเท่าที่ปลอดภัย หลังคุมเลือด
  • ตรวจ INR 30 นาทีหลังให้; พิจารณา “เข็มที่สองเฉพาะยังคุกคามชีวิต + INR ยังสูง

Disposition & Resumption

  • หลังคุมเลือด: ประเมิน ข้อบ่งชี้เดิม + ความเสี่ยงเลือดออกซ้ำ
  • ICH/GI bleed ส่วนใหญ่ ได้ประโยชน์จากกลับไปให้ anticoagulant (ลด stroke/VTE; ICH ซ้ำโดยรวมไม่เพิ่มชัด) เวลาเริ่มใหม่ขึ้นกับชนิดเลือดออก/หัตถการ/ความเสี่ยงรายบุคคล
  • ถ้า warfarin คุมยาก/ยาตีกัน/โภชนาการลำบาก พิจารณา สลับเป็น DOAC เมื่อข้อบ่งชี้อนุญาต

ชุดสั่งการจำหน่าย/ติดตาม (Discharge bundle)

  • ใบคำแนะนำ “อาหารมีวิตามิน K สูง–ปานกลาง–ต่ำ” + หลักการ “สม่ำเสมอ”
  • รายชื่อ ยาที่ต้องหลีกเลี่ยง/โทรปรึกษา ก่อนเริ่ม
  • แผน ตรวจ INR ครั้งถัดไป (24–72 ชม. ในรายเพิ่งแก้ INR สูง)
  • ช่องทางติดต่อเมื่อมี เลือดออก/อาการประสาทผิดปกติ/ถ่ายดำเป็นยางมะตอย/ปัสสาวะเป็นเลือด/เวียนศีรษะมาก
  • ทบทวน เป้าหมาย INR และช่วงเวลาตรวจประจำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น