วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Anti-dsDNA, Anti-Sm, และ Anti-U1 RNP

Anti-dsDNA, Anti-Sm, และ Anti-U1 RNP


1. บทนำ

  • Anti-dsDNA และ Anti-Sm เป็น ANA ที่ จำเพาะสูง ต่อ SLE แม้จะมีความไวไม่สูง
  • Anti-U1 RNP เป็น marker หลักของ MCTD และพบได้ใน SLE รวมถึง CTD อื่น ๆ
  • จึงใช้สามตัวนี้เป็น “antibody ระดับลึก” หลังจากพบ ANA positive เพื่อช่วย
    • ยืนยัน SLE
    • บ่งชี้ MCTD
    • ประเมิน activity โดยเฉพาะ lupus nephritis (ในกรณี anti-dsDNA)

2. Anti-DNA antibodies

2.1 Anti-ssDNA – ไม่ค่อยมีบทบาทในคลินิก

  • พบได้ใน SLE แต่ ไม่จำเพาะพบใน RA, drug-induced lupus, ญาติของผู้ป่วย SLE และคนปกติ
  • ระดับ anti-ssDNA ไม่สัมพันธ์กับ disease activity ไม่แนะนำใช้เพื่อวินิจฉัยหรือ follow-up SLE

สรุป: โดยทั่วไป “ไม่ต้องส่ง” anti-ssDNA แยกต่างหากในคลินิกปัจจุบัน


2.2 Anti-dsDNA – แกนสำคัญของ SLE

คุณสมบัติหลัก

1.       จำเพาะสูงต่อ SLE

o   พบในโรคอื่นได้น้อยมาก (RA, Sjögren, SSc, APS ฯลฯ พบได้แต่หายาก)

2.       สัมพันธ์กับ disease activity ในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะ

o   Lupus nephritis – Serum anti-dsDNA สูง + hypocomplementemia มักสัมพันธ์กับ active proliferative GN และ immune complex deposition ใน glomeruli

3.       Drug-induced lupus บางชนิด

o   ยากลุ่ม minocycline, etanercept, infliximab, penicillamine อาจกระตุ้นให้เกิด anti-dsDNA พร้อมอาการ arthritis, serositis, cutaneous vasculitis เป็นต้น


2.3 วิธีตรวจ Anti-dsDNA (ต้องรู้ว่า lab ใช้อะไร)

1.       Farr assay (radioimmunoassay)

o   ตรวจได้เฉพาะ high-affinity anti-dsDNA

o   ความจำเพาะสูงมาก, ความไวปานกลาง

o   สัมพันธ์ disease activity และ nephritis ดี

o   ปัจจุบันใช้น้อยลงเพราะใช้สารกัมมันตรังสีและกำจัดยาก

2.       Crithidia luciliae IIF assay

o   ใช้ kinetoplast (dsDNA ล้วน ๆ) เป็น substrate

o   ความจำเพาะสูงมาก (ใกล้เคียง Farr) แต่ความไวต่ำกว่า ELISA

o   Titer ใช้ monitor ได้บ้างในรายที่สัมพันธ์กับ activity

o   ระวัง false positive จาก LDL–IgG complex ที่จับ nonspecific ซึ่งอาจหายไปหลังเจาะเลือดตอน fasting

3.       ELISA

o   ใช้ง่าย แพร่หลาย

o   ความไวประมาณ 70–80% สำหรับ SLE แต่ความจำเพาะต่ำกว่าวิธี Crithidia/Farr เพราะจับ anti-ssDNA ได้ด้วยถ้า dsDNA denatured

o   ให้ผล “quantitative” เหมาะใช้ monitor activity ในผู้ป่วยที่เคยแสดง pattern ว่า antibody level สัมพันธ์กับอาการ

4.       Fluorescent bead/multiplex assay

o   ใช้ dsDNA เคลือบบน microsphere ตรวจด้วย flow cytometry

o   ให้ค่ากึ่งปริมาณ และมักรวมอยู่ใน “ANA profile panel”

o   ข้อสังเกต: ถ้า lab ใช้ bead-based ANA screen ที่มี dsDNA ใน panel ผล anti-dsDNA positive “ตามนิยาม” จะต้อง ANA screen positive ด้วย (จะไม่มี ANA-negative/ dsDNA-positive แบบ technical ได้ใน panel เดียวกัน)

ประเด็นสำคัญทางปฏิบัติ

  • แต่ละวิธีมี trade-off ระหว่างความไว–ความจำเพาะ
  • ต้องทราบว่า lab ที่ใช้
    • ตรวจด้วยวิธีใด
    • reference range/ cut-off ตั้งอย่างไร
  • ในการ “ตั้งวินิจฉัย SLE ครั้งแรก” มักนิยมใช้วิธีที่จำเพาะสูง เช่น Crithidia หรือ Farr
  • ในการ “ติดตาม activity” มักใช้ ELISA หรือ bead ที่วัดได้ต่อเนื่องง่าย

2.4 ความสัมพันธ์กับ disease activity และ pathogenicity

  • ความรุนแรงของโรคไม่ได้ขึ้นกับ “titer” อย่างเดียว แต่ขึ้นกับคุณสมบัติของ antibody เช่น
    • avidity, isotype, ability to fix complement, cross-reactivity กับ antigen ในไต ฯลฯ
  • ใน บางคน: anti-dsDNA ขึ้นพร้อม flare, โดยเฉพาะ glomerulonephritis และ complement ต่ำ ใช้เป็น marker ช่วยแยก SLE flare จาก infection ได้ดี
  • ใน บางคน: anti-dsDNA สูงเรื้อรังแม้โรคสงบ หรือ nephritis active แต่ anti-dsDNA ไม่ขึ้น ควรยึด clinical + lab อื่น (C3/C4, urine, creatinine) มากกว่า

หลักใช้ในคลินิก

  • มีประโยชน์ที่สุดเมื่อ
    • เรารู้ “pattern เฉพาะราย” มาก่อนแล้วว่า antibody level เคย สัมพันธ์กับอาการ
  • ถ้าเคยพบว่าระดับ anti-dsDNA “ไม่สัมพันธ์เลย” กับ nephritis หรือ overall activity ไม่ควรใช้เป็นตัวนำในการตัดสินใจรักษาในรายนั้น ๆ

3. Anti-Sm และ Anti-U1 RNP

3.1 พื้นฐานร่วม

  • ทั้งสองเป็น autoantibody ต่อ snRNP complex
    • Sm proteins (B, D1, D2, D3, E, F, G) เป็นส่วนหนึ่งของ snRNP ที่เกี่ยวข้องกับ RNA splicing
    • U1 RNP (70 kD, A, C) เป็นโปรตีนเฉพาะของ U1 snRNP
  • บน IIF HEp-2 cells มักให้ pattern แบบ coarse nuclear speckled เหมือนกัน
  • ร่วมกับ Ro/La เรียกรวมว่า “extractable nuclear antigens (ENA)”

3.2 Anti-Sm

คุณสมบัติ

  • ความไว: พบในประมาณ 10–50% ของผู้ป่วย SLE (ขึ้นกับวิธีตรวจ)
  • ความจำเพาะ: สูงมากสำหรับ SLE (ถือเป็นหนึ่งใน hallmarks)
  • มัก ยังคง positive แม้โรคสงบ ดีสำหรับ “ยืนยันว่าเคยเป็น SLE” แต่ไม่ดีสำหรับ monitor activity

ความสัมพันธ์ทางคลินิก

  • ใน cohort ขนาดใหญ่ของ SLE:
    • ผู้ป่วยที่ anti-Sm positive มัก
      • ได้รับการวินิจฉัยในอายุน้อย
      • มีระยะเวลาป่วยสั้นกว่าตอน dx
      • มี renal involvement สูงกว่า (lupus nephritis)
      • พบ neuropsychiatric SLE, vasculitis, และ anti-dsDNA ร่วมได้บ่อย
  • การมี high-titer anti-Sm + hypocomplementemia อาจบ่งชี้ว่าผู้ป่วยเสี่ยงต่อ silent lupus nephritis (biopsy พบ lesion ทั้ง ๆ ที่ UA/Cr ยังปกติ) อาจพิจารณา
    • เฝ้าระวัง urinalysis/renal function ใกล้ชิด
    • หรือ kidney biopsy เร็วขึ้นในบางกรณี

3.3 Anti-U1 RNP

คุณสมบัติ

  • พบใน SLE ประมาณ 3–69% (กว้างเพราะวิธีตรวจต่างกันมาก)
  • เป็น criteria หลักของ MCTDผู้ป่วยทุกคนที่วินิจฉัย MCTD ต้องมี anti-U1 RNP titers สูง
  • พบได้ใน CTD อื่น ๆ เช่น RA, SSc, Sjögren, PM แต่ระดับมักต่ำกว่า MCTD

การใช้ในคลินิก

  • SLE + anti-U1 RNP high titer นึกถึง overlap/MCTD-like features (Raynaud, swollen hands, myositis, sclerodactyly, pulmonary hypertension ฯลฯ)
  • ถ้า ANA pattern coarse speckled + anti-U1 RNP เด่น + clinical overlap สนับสนุน MCTD มากกว่า SLE บริสุทธิ์

4. ข้อจำกัดของการตรวจ Anti-Sm / Anti-U1 RNP ด้วย solid-phase assay

  • แต่ละบริษัทใช้ antigen preparation ต่างกัน
    • บางชุดใช้ antigen จาก cell extract
    • บางชุดใช้ recombinant antigens
  • ปัญหาที่ตามมา:

1.                   Impurityผู้ป่วย SLE มี autoantibody ต่อโปรตีนอื่นจำนวนมาก ถ้า antigen preparation มีโปรตีนปนเปื้อน เกิด false positive ได้

2.                   Incomplete antigensบางชุดใช้เฉพาะ U1 RNP 70 kD ไม่ได้ใส่ A และ C ถ้าผู้ป่วยมี antibody เฉพาะต่อ A หรือ C จะกลายเป็น false negative

ผลเชิงปฏิบัติ

  • ความไว/จำเพาะของ anti-Sm และ anti-U1 RNP ในชีวิตจริง ต่างกันมากระหว่าง lab
  • ควร
    • รู้ว่า lab ใช้ kit ยี่ห้อไหน (หรืออย่างน้อยทราบว่าวิธีใด – ELISA / bead / line blot)
    • ระวังการแปลผล false positive/negative โดยเฉพาะเมื่อผลตรวจขัดกับ clinical picture
  • การวินิจฉัย SLE หรือ MCTD ควรอิง ภาพรวมทางคลินิก + ANA pattern + ENA profile ไม่ใช่ยึดผล lab ตัวใดตัวหนึ่งเดี่ยว ๆ

5. “สูตรใช้งาน” สำหรับเวชปฏิบัติ

1.       SLE ที่สงสัยใหม่

o   ANA IIF positive ส่ง anti-dsDNA + ENA panel (รวม Sm, RNP, Ro, La ฯลฯ)

o   ใช้วิธี detect anti-dsDNA ที่จำเพาะสูง (Crithidia/Farr) หากต้องการยืนยันวินิจฉัย

2.       ผู้ป่วย SLE ที่ติดตามต่อเนื่อง

o   ใช้ anti-dsDNA (ELISA or bead) + C3/C4 + UA + Scr ติดตาม

o   Anti-Sm ใช้เป็น marker ว่าผู้ป่วยเป็น SLE แน่นอน แต่ไม่ใช้ดู flare

3.       สงสัย MCTD หรือ overlap syndrome

o   เน้นดู anti-U1 RNP titer + clinical overlap (Raynaud, swollen hands, myositis, pulmonary HT ฯลฯ)

4.       เมื่อผล lab ไม่เข้ากับคลินิก

o   พิจารณาความเป็นไปได้ของ

§  เทคนิค assay (ชนิด antigen, ความไว/จำเพาะ)

§  false positive (เช่น Crithidia จาก LDL–IgG complex)

o   อาจส่งซ้ำด้วยวิธีอื่น หรือปรึกษา immunology/rheumatology lab


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น