Contraceptive Counseling
1) หลักคิดสำคัญ (Key Principles)
- เป้าหมาย ไม่ใช่แค่ป้องกัน unintended pregnancy
แต่คือช่วยผู้ป่วย บรรลุ reproductive goals ตามความต้องการของตน
- ใช้ shared decision-making:
- ผู้ป่วย = ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง “คุณค่า/ความต้องการของตน”
- แพทย์ = ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลทางการแพทย์/ความปลอดภัย
- หลีกเลี่ยง directive counseling ที่ผลักดันวิธีที่
“มีประสิทธิภาพสูงสุด” โดยไม่คำนึงถึง preference
- ระวัง bias และประเด็น health equity
(เชื้อชาติ อายุ สถานะทางสังคม ความพิการ ฯลฯ)
2) โครงสร้างการให้คำปรึกษาแบบ Step-by-step
Step 1: สร้างสัมพันธภาพ (Establish
rapport)
- Small
talk / tone เป็นมิตร → เพิ่ม satisfaction และ continuation
- ใช้ภาษาที่เคารพ gender diversity
Step 2: ระบุเป้าหมายการสืบพันธุ์ (Identify
reproductive goals)
คำถามที่แนะนำ:
- “วันนี้อยากคุยเรื่องการคุมกำเนิดหรือการป้องกันการตั้งครรภ์ไหม?”
- หลีกเลี่ยงการใช้คำถามเดียวแบบ rigid (เช่น One
Key Question) เป็นตัวตัดสินทั้งหมด
เสริมด้วย PATH questions
- Pregnancy
attitude – อยากมีลูกในอนาคตหรือไม่
- Attitude
toward timing – คิดว่าเมื่อไร
- Timing
– ระยะสั้น/ยาว
- How
important is prevention – สำคัญแค่ไหนที่จะป้องกันตอนนี้
Step 3: ประเมินข้อจำกัดทางการแพทย์
- ใช้ WHO MEC / US MEC
- Category
1–2: ใช้ได้
- Category
3: ใช้ได้ถ้าไม่มีทางเลือกอื่นที่ “ผู้ป่วยยอมรับได้”
- Category
4: contraindicated
- ประเด็นสำคัญที่ต้องถามเสมอ:
smoking, HTN, VTE, migraine with aura, cancer history, drug interactions (antiepileptics, ART)
Step 4: เปิดบทสนทนาแบบเน้น preference
คำเปิดที่แนะนำ:
- “มีอะไรที่สำคัญกับคุณเป็นพิเศษเกี่ยวกับวิธีคุมกำเนิดไหม?”
ต่างจาก “อยากใช้วิธีไหน”
ซึ่งสมมติว่าผู้ป่วยรู้ตัวเลือกทั้งหมดแล้ว
รองรับสไตล์การตัดสินใจ:
- ผู้ป่วยรู้คำตอบเอง (autonomous)
- ผู้ป่วยอยากให้แพทย์ช่วยแนะนำ (provider-guided)
- ผู้ป่วยลังเล → shared decision-making เต็มรูปแบบ
Step 5: ดึง preference อย่างมีข้อมูล (Elicit informed preferences)
หัวข้อหลักที่ควรพูดคุย (เลือกตามบริบท
ไม่จำเป็นต้องครบทุกข้อ):
- วิธีใช้ / ความถี่ (daily vs long-acting)
- Efficacy
(ใช้ natural frequency เช่น “1–20
ใน 100 คน/ปี”)
- ผลต่อประจำเดือน (lighter, irregular, amenorrhea)
- ผลข้างเคียงที่กังวล (จาก social media / ประสบการณ์คนรอบตัว)
- Non-contraceptive
benefits (acne, dysmenorrhea, HMB (heavy menstrual bleeding))
- ผลต่อ sexual experience
- การกลับมาของ fertility
- Privacy
/ การควบคุมด้วยตนเอง
Amenorrhea: อธิบายอย่างไม่ตัดสิน และแก้ misconception
Step 6: ช่วยตัดสินใจ (Facilitate
decision-making)
- สะท้อน preference →
map กับตัวเลือก
- ใช้ visual aid (tiered effectiveness chart)
- ถ้า preference ขัดกัน → ชวนชั่งน้ำหนัก
ไม่ตัดสินแทน
- หลีกเลี่ยงภาษาที่แสดง bias
ใช้คำว่า “จากที่คุณเล่า วิธีเหล่านี้น่าจะเหมาะ”
Step 7: เลือกและเริ่มวิธีคุมกำเนิด
- Same-day
/ Quick start เมื่อทำได้ (ตาม CDC US SPR)
- ประเมิน:
- ความเสี่ยงตั้งครรภ์ระยะ luteal
- ความจำเป็นของ emergency contraception
(Copper IUD และ LNG-IUD 52 mg ใช้เป็น EC ได้) - STI
screening ตามข้อบ่งชี้
- ให้คำแนะนำการใช้จริง + แผนกรณีลืม/ช้า
- Anticipatory
counseling เรื่อง side effects → เพิ่ม continuation
- ย้ำว่า switch/change ได้เสมอ
ไม่ถือว่าล้มเหลว
3) ประเด็นเสริมที่ต้องไม่ลืม
- STI
prevention: แนะนำ condom + PrEP / doxy-PEP ตามความเสี่ยง
- Special
populations
- Adolescents:
เลี่ยง directive counseling
- Postpartum:
immediate postpartum contraception + lactation
- Post-abortion:
เคารพความต้องการ ไม่บังคับ counseling
- ขอถอด IUD/implant: ต้องถอดตามคำขอ
- Chronic
disease / obesity / substance use / disability: เน้น autonomy
+ trauma-informed care
- Cancer
history: ระวัง estrogen, breast cancer → copper IUD เป็นหลัก
- Transmasculine
individuals: gender-affirming counseling
4) Myth ที่ควรเลิกยึด
- Unintended
pregnancy ≠ ไม่พึงประสงค์เสมอ
- Unintended
pregnancy ≠ unhealthy pregnancy เสมอ
- Efficacy
ไม่ใช่ปัจจัยเดียว (ผู้ป่วยให้คุณค่ากับ
ease, side effects, control, privacy มาก)
5) Take-home messages สำหรับแพทย์
- เปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้บอกวิธีที่ดีที่สุด” → “ผู้ช่วยให้เลือกวิธีที่เหมาะกับเขาที่สุด”
- Shared
decision-making = เครื่องมือสำคัญด้าน คุณภาพการดูแล +
ความเท่าเทียม
- ความสำเร็จของการคุมกำเนิด = ความพึงพอใจ + การใช้ต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่
efficacy สูงสุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น